หลายวันที่ผ่านมา เราได้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับสังเวียนฟู้ดเดลิเวอรีอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์ม LINE MAN Wongnai ที่ได้เปิดเผยข้อมูลพร้อมกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจอย่างเป็นทางการครั้งแรกนับตั้งแต่ควบรวมกิจการกัน หรือ Gojek ที่ได้ฤกษ์เปิดตัวอย่างเป็นทางการเสียที หลังประกาศรีแบรนด์จาก GET ประเทศไทย เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
ล่าสุดวันนี้ Foodpanda แพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรีอีกรายในสังเวียน ก็ได้เปิดตัวบริการใหม่ของตัวเองบนแพลตฟอร์มเดิมอย่าง ‘pandamart’ อย่างเป็นทางการออกมาเช่นกัน ซึ่งได้เริ่มชิมลางนำร่องให้บริการมาตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เป็นบริการ ‘จัดส่งสินค้ากลุ่มอุปโภคและบริโภค’ ซึ่งมีสินค้าให้เลือกสั่งซื้อครอบคลุมมากกว่า 2,500 รายการ ให้บริการครอบคลุม 24 ชั่วโมง (ช่วงแรก หากมียอดสั่งขั้นต่ำ 50 บาท จะส่งฟรี)
รูปแบบการให้บริการ pandamart โดย Foodpanda คือผู้ใช้งาน Foodpanda จะสามารถกดเลือกสั่งสินค้า ข้าวของเครื่องใช้ อาหารแห้งหรือเครื่องดื่มต่างๆ ที่ต้องการซื้อผ่านแพลตฟอร์มของ Foodpanda ได้ด้วยตัวเอง ชูจุดเด่นของการเป็น Quick Commerce โดยที่ผู้ใช้บริการจะได้รับสินค้าถึงมือภายในเวลา ‘20 นาที’ นอกจากนี้ยังมีบริการที่ Foodpanda เปิดให้สั่งซื้อสินค้าจากพาร์ตเนอร์ค้าปลีกเจ้าอื่นๆ ได้อีกด้วย เช่น CP Freshmart, Gourmet Market, Tesco, Lawson, Beauty Buffet ฯลฯ รวมอีกมากกว่า 2,700 ราย
สำหรับ ‘ทำเล’ การตั้งสโตร์สต๊อกสินค้าของ pandamart ในปัจจุบันจะครอบคลุมทั้งหมด 7 พื้นที่ทั่วกรุงเทพฯ ประกอบด้วย ลาดพร้าว, วัฒนา, สาทร, สุทธิสาร, งามวงศ์วาน, บางนา และธนบุรี
โทมัส บูชัน ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ฟู้ดแพนด้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยกับ THE STANDARD ว่าปัจจัยสำคัญที่ Foodpanda ใช้เลือกทำเลตั้งสโตร์ของ pandamart คือ ‘ความหนาแน่นของประชากร’ ในพื้นที่นั้นๆ ความต้องการของผู้ใช้งาน ตลอดจนความนิยมในการใช้บริการ Foodpanda ของผู้ใช้งานในทำเลดังกล่าว ซึ่งบูชันบอกกับเราว่า Foodpanda ตั้งใจจะขยายสาขาของสโตร์สต๊อกสินค้า pandamart ให้ได้มากที่สุดเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้งานให้ได้ครอบคลุม รวมถึงการไปเปิดตามหัวเมืองใหญ่ๆ ในแต่ละจังหวัด
ปัจจุบันหลังเริ่มให้บริการมาแล้วราว 3 เดือน pandamart มียอดออร์เดอร์ใช้บริการเฉลี่ย 400 ออร์เดอร์ต่อวันต่อสาขา ส่วน Basket Size เฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 300 บาท โดยบูชันและ Foodpanda ตั้งเป้าจะเพิ่มยอดการเติบโตให้ได้ในระดับ 2-3 เท่าภายในปีนี้ ขณะที่โมเดลการทำเงินของ pandamart จะแบ่งเป็น 2 ส่วน ประกอบด้วย 1. การหักค่าคอมมิชชันจากพาร์ตเนอร์ค้าปลีก และ 2. การเก็บรายได้จากการจำหน่ายสินค้าด้วยตัวเองในโมเดลค้าปลีกเต็มตัว
สำหรับมุมมองความเห็นที่ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ Foodpanda ไทย มีต่อการแข่งขันในศึกฟู้ดเดลิเวอรี ณ ปัจจุบันนั้น (Foodpanda บุกเบิกตลาดเป็นเจ้าแรกๆ ให้บริการมาแล้วไม่ต่ำกว่า 9 ปี) มองว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะยิ่งผู้ให้บริการแข่งขันกันดุเดือดเข้มข้นมากแค่ไหน ผู้ใช้บริการก็จะได้เปรียบและเป็นผู้ชนะในเกมนี้
แต่สาระสำคัญอยู่ที่การบริหารธุรกิจให้ได้ ‘ยั่งยืน’ ในระยะยาวมากกว่า เพราะผู้ให้บริการแพลตฟอร์มในรูปแบบนี้ส่วนใหญ่มักจะต้องทุ่มงบการตลาดเป็นจำนวนเงินมหาศาลในช่วงแรกๆ เพื่อดึงผู้ใช้งานให้มาทดลองใช้บริการของตัวเองให้ได้มากที่สุด ส่งผลให้การเทิร์นกำไรในระยะเวลาไม่กี่ปีเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมากๆ นั่นเอง
โดยบูชันมองว่า ท้ายที่สุดแล้วการให้บริการที่รวดเร็ว การลงทุนเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคให้ได้ตรงจุดเพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มและเสริมฟีเจอร์ใหม่ๆ ออกมาอยู่ตลอดเวลา จะเป็นปัจจัยในการทำให้ผู้บริการรายนั้นๆ ขึ้นแท่นเป็นผู้ชนะในศึกฟู้ดเดลิเวอรี
ปัจจุบัน Foodpanda ให้บริการใน 72 จังหวัด มีจำนวนร้านอาหารบนแพลตฟอร์มรวมกว่า 90,000 แห่ง พร้อมฟลีตสายส่งที่บริหารด้วยตัวเองนับหมื่นรายทั่วประเทศ โดยภายในปี 2563 นี้ พวกเขาตั้งเป้าหมายจะขยายพื้นที่ให้บริการให้ครอบคลุมครบทั้ง 77 จังหวัดในประเทศไทย
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
