ปิดฉากลงไปแล้วสำหรับการประชุมภาคีของกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 28 (COP28) ที่นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเป้าหมายของการประชุมปีนี้คือ การหามาตรการเพื่อรักษาอุณหภูมิพื้นผิวโลกให้อยู่ที่ 1.5 องศาเซลเซียส ซึ่งแน่นอนว่าวิธีที่เร็วที่สุดคือการเปลี่ยนผ่านพลังงาน ให้เร่งลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลมาเป็นพลังงานสะอาดเพื่อลดภาวะโลกร้อน
นอกจากนี้เวทีการประชุมปีนี้ยังคงมีการระดมเงินกองทุนเพื่อนำไปพัฒนาในอีกหลายมิติ และนอกเหนือจากด้านอุตสาหกรรมพลังงานแล้ว ยังมีด้านเกษตรและอาหาร สุขภาพ ธรรมชาติ ที่หยิบยกมาหารือไม่น้อย
สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า การประชุม COP28 ที่เพิ่งปิดฉากลงไป มีการระดมเงินทุนเพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสำหรับระบบอาหารทั่วโลก มีมูลค่าสูงถึง 7 พันล้านดอลลาร์ เบื้องต้นจะให้เงินทุน 519 ล้านดอลลาร์ ในการวิจัยเกษตรนานาชาติเพื่อความมั่นคงทางอาหารในอนาคต (CGIAR) และอีก 389 ล้านดอลลาร์จะให้กับองค์กรการกุศล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- 188 ประเทศให้คำมั่นบนเวที COP28 จะผลิตพลังงานสะอาด 3 เท่าในปี 2030 พร้อมเรียกร้องอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซรักษาอุณหภูมิโลกให้อยู่ที่ 1.5 องศา
- ทำไมไทยพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์และลมช้าที่สุดในภูมิภาค สวนทางเวียดนาม ทั้งที่มีศักยภาพ แต่กลับผลิตไม่ถึง 5% และต้องรับมือค่าไฟที่แพงขึ้น
ภายใต้การจัดหาเงินทุนดังกล่าว มีคำมั่นสัญญาร่วมกันว่าจะช่วยเหลือปรับเปลี่ยนภาคการเกษตรกรในการลดการปล่อยก๊าซ และปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ผ่านการปฏิรูปภาคการเกษตร และนำนวัตกรรมมาปรับใช้ตั้งแต่การทำฟาร์มไปจนถึงการแปรรูปและการบริโภค เนื่องจากอาหารคิดเป็นสัดส่วนถึงประมาณ 1 ใน 3 ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก
ทั้งนี้ ในปีนี้ที่ประชุมได้พยายามยกระดับการเจรจาประเด็นอาหาร การจัดงานวันอาหารโลก การเกษตร และน้ำ เพื่อให้ความสำคัญกับระบบอาหารเป็นการเฉพาะ
อย่างไรก็ตาม องค์การสหประชาชาติ (UN) มองว่า ปริมาณเงินทุนด้านสภาพอากาศสำหรับการพัฒนาระบบเกษตรและอาหารด้วยตัวเลขนี้ ยังถือว่า ‘ต่ำมาก’ และตั้งคำถามว่าเหตุใดตัวเลขจึงลดลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับการสนับสนุนเงินด้านสภาพภูมิอากาศด้านอื่นๆ ซึ่งหากย้อนไปดูคำกล่าวจากองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ ที่ระบุไว้ว่า ในช่วง 2 ทศวรรษจนถึงปี 2021 มีการสนับสนุนเงินทุนเพื่อการพัฒนาระบบอาหารเกษตร มูลค่ารวม 183 พันล้านดอลลาร์ แต่ก็พบว่าเงินช่วยเหลือลดลง 12% ซึ่งเหลือเพียง 19 พันล้านดอลลาร์จากปีก่อนหน้า
อ้างอิง: