แกนนำนักเรียนโรงเรียนไฮสคูลมาร์จอรี สโตนแมน ดักลาส ในรัฐฟลอริดา ประกาศจัดการชุมนุมใหญ่ในแคมเปญ ‘March for Our Lives’ หรือ ‘เดินขบวนเพื่อชีวิตของเรา’ ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. และเมืองสำคัญทั่วประเทศ ในวันที่ 24 มีนาคมนี้ เพื่อเรียกร้องให้สภาคองเกรสพิจารณากฎหมายควบคุมอาวุธปืนอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันเหตุกราดยิงที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าในสหรัฐฯ โดยล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 17 คน
แกนนำจัดการชุมนุมเปิดเผยกับสื่อท้องถิ่นว่า พวกเขาต้องการให้เหตุกราดยิงที่เมืองพาร์กแลนด์เป็นจุดเปลี่ยนสู่การควบคุมอาวุธปืนทั่วประเทศ และต้องการจัดการเดินขบวนครั้งใหญ่ตามเมืองสำคัญทั่วประเทศในวันเดียวกัน เพื่อกดดันให้สมาชิกสภาคองเกรสตระหนักว่า เด็กๆ และครอบครัวของพวกเขาควรถูกบรรจุเป็นวาระสำคัญแห่งชาติเช่นกัน
คาเมรอน แคสกี หนึ่งในผู้รอดชีวิตจากเหตุกราดยิงที่โรงเรียนมาร์จอรี สโตนแมน ดักลาส กล่าวว่า “เรากำลังสูญเสียชีวิตของเรา ขณะที่พวกผู้ใหญ่ไม่ทำอะไรเลย”
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา นักเรียนหลายพันคนได้จัดการชุมนุมครั้งใหญ่ที่เมืองฟอร์ตลอเดอร์เดล ไม่ไกลจากเมืองพาร์กแลนด์ ในรัฐฟลอริดา ด้วยความสนับสนุนจากองค์กรที่รณรงค์ให้มีการควบคุมอาวุธปืน ทั้งสมาคมครูและผู้ปกครอง (PTA), สหภาพครูเทศมณฑลโบรวอร์ด, กลุ่ม Moms Demand Action รวมถึงกลุ่มแคมเปญ League of Women Voters และ Women’s March Florida
นอกจากผู้รอดชีวิตแล้ว ยังมีนักเรียน นักศึกษา ผู้ปกครอง และนักการเมืองจำนวนมากเดินทางมาร่วมด้วย ผู้ประท้วงบางคนตะโกนด่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ รวมถึงฝ่ายนิติบัญญัติว่า “หน้าไม่อาย” พร้อมกับเรียกร้องว่า “ถึงเวลาสำหรับเหยื่อเคราะห์ร้ายแล้วที่จะเปลี่ยนแปลงกฎหมายอาวุธปืน”
เอ็มมา กอนซาเลซ และเดลานีย์ ทาร์ร จากโรงเรียนมาร์จอรี สโตนแมน ดักลาส กล่าวกลางเวทีชุมนุมเมื่อวันเสาร์ว่า เป็นเพราะกฎหมายอาวุธปืนของสหรัฐฯ ที่อนุญาตให้นิโคลัส ครูซ ซื้อปืนยาว AR-15 ไปใช้ก่อเหตุได้ และเป็นเพราะกฎหมายเหล่านี้ที่ทำให้คนที่เรารักต้องตายจากไป นอกจากนี้พวกเขายังวิจารณ์โดนัลด์ ทรัมป์ และนักการเมืองที่รับเงินบริจาคจากสมาคมปืนไรเฟิลแห่งชาติเพื่อนำไปใช้จ่ายในแคมเปญหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2016 ด้วย
อ้างอิง:
