วันนี้ (26 พฤศจิกายน) ธีรพัฒน์ คัชมาตย์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยรายงานสรุปสถานการณ์อุทกภัยประจำวัน (ข้อมูลเวลา 06.00 น.) ระบุว่า ปัจจุบันประเทศไทยยังคงมีสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่รวม 20 จังหวัด ครอบคลุม 151 อำเภอ มีประชาชนได้รับผลกระทบกว่า 1.1 ล้านครัวเรือน (3,221,958 คน) และมีผู้เสียชีวิตสะสมรวม 46 ราย
โดยสถานการณ์แบ่งออกเป็น 2 พื้นที่หลัก ดังนี้
1. สถานการณ์ภาคใต้: ยังวิกฤต ระดับน้ำส่วนใหญ่เพิ่มสูงขึ้น
พื้นที่ภาคใต้ยังคงน่าเป็นห่วง มีน้ำท่วมขังใน 9 จังหวัด มีผู้เสียชีวิตรวม 18 ราย (นครศรีธรรมราช 6 ราย, สงขลา 5 ราย, ปัตตานี 3 ราย, ยะลา 2 ราย และพัทลุง 2 ราย)
แนวโน้มสถานการณ์น้ำจำแนกได้ดังนี้:
- พื้นที่ที่ระดับน้ำยังเพิ่มขึ้น (8 จังหวัด): ได้แก่ นครศรีธรรมราช, ตรัง, พัทลุง, สตูล, สงขลา, ปัตตานี, ยะลา และนราธิวาส ซึ่งกินพื้นที่เป็นวงกว้าง ประชาชนได้รับผลกระทบหนักที่สุด
- พื้นที่ที่ระดับน้ำเริ่มลดลง (1 จังหวัด): ได้แก่ สุราษฎร์ธานี
2. สถานการณ์ภาคเหนือและภาคกลาง (ลุ่มเจ้าพระยา): แนวโน้มดีขึ้น
พื้นที่ 11 จังหวัด ระดับน้ำเริ่มลดลงทั้งหมด แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ ได้แก่ พิษณุโลก, นครสวรรค์, อุทัยธานี, สิงห์บุรี, ชัยนาท, อ่างทอง, สุพรรณบุรี, พระนครศรีอยุธยา, ปทุมธานี, นนทบุรี และนครปฐม โดยในโซนนี้มีผู้เสียชีวิตสะสมรวม 28 ราย (สูงสุดที่ จ.พระนครศรีอยุธยา 19 ราย)
เพื่อรับมือวิกฤตภาคใต้ที่ยังรุนแรง อธิบดี ปภ. ระบุว่าได้ยกระดับการช่วยเหลือโดยจัดตั้ง ศูนย์บัญชาการส่วนหน้า ณ ศูนย์ ปภ. เขต 12 สงขลา เพื่อเป็นฐานบัญชาการระดมทรัพยากรเข้าช่วยเหลือประชาชนทันที ประกอบด้วย:
- การกู้ภัย: ระดมทีมปฏิบัติการ พร้อมเรือท้องแบน เจ็ตสกี เครื่องจักรกลสาธารณภัย และสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์ KA-32 เพื่อเข้าถึงพื้นที่ยากลำบาก
- การดำรงชีพ: จัดส่งรถประกอบอาหาร และรถผลิตน้ำดื่มสะอาด เพื่อแจกจ่ายให้กับผู้ประสบภัย
- การฟื้นฟู: สำหรับจังหวัดที่สถานการณ์น้ำลดลงแล้ว จะเร่งสำรวจความเสียหายเพื่อเยียวยาและฟื้นฟูให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุด
