วันนี้ (6 ตุลาคม) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการและบริหารสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ (คอภ.) ครั้งที่ 1/2568 โดยมีรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และผู้บริหารระดับสูงจากหลายหน่วยงานเข้าร่วม
อนุทิน กล่าวย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนเป็นอันดับแรก ซึ่งขณะนี้หลายพื้นที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย สร้างความเสียหายต่อบ้านเรือน พื้นที่การเกษตร และโครงสร้างพื้นฐาน ดังนั้นรัฐบาลจะไม่รอช้า ทุกหน่วยงานต้องลงพื้นที่จริง เห็นปัญหาจริง และช่วยประชาชนจริงๆ
ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดประสานการทำงานกับส่วนกลางอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ความช่วยเหลือถึงมือประชาชนโดยเร็วที่สุด พร้อมมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ประสานงานร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม และหน่วยทหารในพื้นที่ สำรวจความเสียหาย และจัดทำข้อมูลเยียวยาอย่างเป็นระบบ รวมถึงให้ทุกจังหวัดรายงานสถานการณ์แบบวันต่อวัน เพื่อให้การบริหารจัดการทรัพยากร และงบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า รัฐบาลจะเร่งรัดการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทุกกลุ่ม ทั้งครัวเรือนที่เสียหาย เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ และโครงสร้างพื้นฐานที่ชำรุด พร้อมเตรียมแผนฟื้นฟูระยะกลางและระยะยาว เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนเป็นไปอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้แถลงข่าวภายหลังการประชุมกว่า 2 ชั่วโมงว่า วันนี้รัฐบาลมีการตั้งศูนย์ปฏิบัติการขึ้นมาใหม่ ทั้งศูนย์เยียวยาช่วยเหลือ ที่มีโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และศูนย์บริหารการระบายน้ำ เพื่อให้ออกไปยังอ่าวไทยให้เร็วที่สุด ซึ่งมี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน
ส่วนเรื่องการเยียวยาช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ใช้หลักการเดียวกันกับปีที่แล้ว ซึ่งทุกคนได้รับผลกระทบเกิน 7 วัน จะได้รับเงินเยียวยาเป็นรายครัวเรือน ครัวเรือนละ 9,000 บาท ซึ่งมีทั้งสิ้น 685,554 ครัวเรือน เป็นเงิน 6,169.986 ล้านบาท ซึ่งจะดำเนินการทันที โดยได้สั่งการกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยไปเร่งดำเนินการขึ้นทะเบียนชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ