ฟิทช์ เรตติ้ง ปรับลดมุมมองเศรษฐกิจไทยจากเชิงบวก (Positive) เป็นมีเสถียรภาพ (Stable) และคงเรตติ้งไทยที่ BBB+ โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้ฟิทช์ปรับลดมุมมองเศรษฐกิจไทยมาจากการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ส่งผลกระทบโดยตรงกับการท่องเที่ยว รวมถึงความไม่แน่นอนของสถานการณ์การเมืองของไทย
ทั้งนี้การที่ ฟิทช์ เรตติ้ง คงเรตติ้งไทยที่ระดับ BBB+ ยังสะท้อนถึงสถานะการเงินที่แข็งแกร่งทั้งด้านการเงินและการคลังของประเทศ ที่ช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจและการเงิน ซึ่งทำให้ไทยมีสถานะที่ดีกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียน
ขณะที่มุมมองต่อเศรษฐกิจไทยปี 2563 ทางฟิทช์ฯ ประเมินว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยจะลดลงเหลือ 1% ลดลงจากระดับ 2.4% ที่คาดการณ์ในเดือนกรกฎาคม 2562 โดยมองว่าปัจจัยหลักที่กระทบต่อเศรษฐกิจไทยคือโควิด-19 ที่ทำให้เศรษฐกิจของไทยชะลอตัวเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน และเป็นอัตราการขยายตัวต่ำสุดในรอบ 6 ปี ขณะที่อีกหนึ่งปัจจัยมาจากอุปสงค์ที่ลดลง และความตึงเครียดของการแข็งค่าของเงินบาท รวมถึงความล่าช้าของการอนุมัติงบประมาณประจำปีและปัญหาภัยแล้ง
อย่างไรก็ตาม ฟิทช์คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของไทยมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นในปีหน้า โดยมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ที่ 3.8% ซึ่งเป็นผลมาจากอุปสงค์ภายในประเทศและนอกประเทศที่ฟื้นตัวตามแนวโน้มภูมิภาค และการบริหารภายใต้ยุทธศาสตร์ 20 ปีของรัฐบาลไทย
ทั้งนี้ ฟิทช์เผยว่า ภาคการเงินของไทยจะยังคงเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ หลังอัตราหนี้สินต่อ GDP ของไทยเพิ่มขึ้นมากถึง 79.1% ในไตรมาสที่ 3/2019 รวมถึงความสามารถในการชำระหนี้ที่แย่ลงเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว อย่างไรก็ดี ฟิทช์เชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะจัดสรรกองทุนสำรองเพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงิน และป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นตามมาในอนาคต
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
รายงาน ภูมินทร์ คิดเลิศล้ำ
เรียบเรียง ภูมินทร์ คิดเลิศล้ำ
ติดตามข่าวสารการลงทุนเพิ่มเติมได้ที่: www.efinancethai.com