วันนี้ (13 มิถุนายน) ความคืบหน้ากรณีที่กองบังคับการตำรวจน้ำ (บก.รน.) รายงานว่า เรือบรรทุกน้ำมันของกลางขนาดใหญ่จำนวน 3 ลำ ซึ่งบรรจุน้ำมันรวมกว่า 3.3 แสนลิตร หายไปจากท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
เมื่อเวลา 09.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เรือลาดตระเวนตำรวจน้ำ 815 และ 632 ได้เดินทางกลับมาที่สะพานท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบแล้ว หลังจากได้ออกไปปฏิบัติการค้นหาเรือน้ำมันของกลางทั้ง 3 ลำ
ด้าน พ.ต.ท. กอบชัย โตอ่อน สารวัตรสถานีตำรวจน้ำสัตหีบ กองกำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจน้ำ ซึ่งเป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการค้นหา ระบุเพียงว่า ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่ก่อน ก่อนจะเดินทางออกจากพื้นที่ไปทันที
ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่า ปฏิบัติการค้นหาได้ลาดตระเวนไปถึงเกาะช้าง จังหวัดตราด ตามที่มีกระแสข่าวว่ามีประชาชนพบเห็น แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงในพื้นที่กลับไม่พบเรือทั้ง 3 ลำ ทำให้เชื่อได้ว่าเรือของกลางทั้งหมดน่าจะหลบหนีออกจากน่านน้ำไทยไปแล้ว
ขณะที่ พล.ต.ต. จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งเตรียมเดินทางมาติดตามความคืบหน้าเหตุการณ์ในช่วงบ่ายของวันนี้ ระบุกับผู้สื่อข่าวว่าจะต้องมีผู้รับผิดชอบคดีนี้ โดยแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ ลูกเรือที่นำเรือหนี และเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำที่ปล่อยปละละเลยให้ของกลางสูญหาย
นอกจากนี้จะต้องสอบสวนให้ได้ว่า เรือที่นำไปจอดห่างจากท่าเรือ 100 เมตร มีลูกเรือขึ้นไปขโมยเรือได้อย่างไร มีการคุมเข้มการป้องกันการเดินเรือหรือไม่ เพราะจากกล้องวงจรปิดพบว่า เรือได้ปิดไฟก่อนจะหายไปในเวลา 20.10 น. ของวันที่ 11 มิถุนายนที่ผ่านมา
ชาวประมงที่อาศัยอยู่ใกล้กับท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ ให้ข้อมูลว่า เมื่อประมาณ 2-3 วันที่ผ่านมาคลื่นลมในทะเลแรงมาก ชาวบ้านต้องนำเรือที่เทียบอยู่ริมท่าเรือไปลอยกลางทะเล ทางราชการเองก็ต้องนำเรือไปจอดกลางทะเลเพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุกับท่าเทียบเรือตามระเบียบ ส่วนจะจอดไกลเท่าใดไม่ทราบ ในวันเกิดเหตุที่เรือของกลางหาย เรือของชาวบ้านเองถูกคลื่นซัดจมหายเช่นกัน แต่เรื่องเรือน้ำมันของกลางหายอย่างไรยอมรับว่าไม่ทราบ แต่หากเป็นจริงถือว่าเหลือเชื่อและเป็นเรื่องปาฏิหาริย์ เพราะเรือน้ำมันมีขนาดใหญ่มาก จะหายได้อย่างไร