วานนี้ (29 มกราคม) เวลาประมาณ 11.00 น. สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสาครรายงานเหตุเพลิงไหม้ที่บริษัท เถิงฟา พลาสติก แอนด์ เมทเทิล จำกัด หมู่ที่ 6 ตำบลยกกระบัตร อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งมีลักษณะเป็นอาคารโกดังชั้นเดียวทั้งหมด 8 หลังบนเนื้อที่ประมาณ 15 ไร่ มีการกั้นเป็นล็อก แต่เชื่อมติดกันและเปิดช่องให้สามารถเดินถึงกันได้ ส่วนด้านหลังเป็นพื้นที่ลานกว้างเพื่อเก็บกองขยะพลาสติกจำนวนมหาศาล
ทั้งนี้ เพลิงโหมลุกไหม้อย่างรุนแรง จนทำให้โครงสร้างโกดังทรุดตัวลงมา 2 หลัง ขณะที่การเข้าระงับเหตุในครั้งนี้มี นริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมด้วย อนุตร ปางพุฒิพงษ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสมุทรสาคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมบัญชาการเหตุการณ์
ในการจะดับไฟให้สงบลงนั้นเป็นไปได้ค่อนข้างยาก เพราะวัสดุเป็นเศษขยะพลาสติกและอื่นๆ จำนวนมหาศาล ล้วนแต่เป็นวัตถุติดไฟ ประกอบกับปริมาณน้ำที่ไม่เพียงพอ และยังมีสารเคมีบางชนิดถูกเก็บกองด้านใน ยิ่งทำให้เชื้อเพลิงลุกไหม้ได้ง่ายมากขึ้น ส่วนเครื่องจักรที่ตั้งอยู่ภายในโกดังที่ 1-3 ไม่ได้รับความเสียหาย
ทั้งนี้ ต้องใช้รถน้ำดับเพลิงจากเทศบาลตำบลหลักห้า ร่วมกับหน่วยต่างๆ ทั้งในจังหวัดสมุทรสาครและพื้นที่ใกล้เคียง รวมกว่า 20 คัน รวมถึงรถสนับสนุนจากมูลนิธิและอาสากู้ภัยอีกหลายสิบคัน เข้ามาช่วยกันฉีดน้ำสกัดเพลิงไม่ให้ลุกลามออกไปด้านนอกเขตรั้วโรงงาน ซึ่งต้องใช้เวลานานกว่า 4 ชั่วโมง จึงสามารถดับเปลวไฟให้วอดลงได้
มีรายงานว่า ไม่มีประชาชนได้รับบาดเจ็บและไฟไม่ลุกลามไปยังชุมชนด้านนอก แต่ผลกระทบจากกลุ่มควันไฟทำให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ห่างจากโรงงานออกไปในระยะประมาณ 2-3 กิโลเมตร ได้รับผลกระทบจากกลิ่นเหม็นของกลุ่มควัน และมีอาการแสบตาและจมูก
จากการสอบถามคนในพื้นที่ทราบว่าผู้ครอบครองโรงงานแห่งนี้เป็นคนไทย โดยขออนุญาตสร้างอาคารเพื่อใช้เป็นที่เก็บกองขยะเท่านั้น แต่มีนายทุนจีนมาเช่าพื้นที่ต่อจากคนไทย แล้วนำขยะพลาสติก เศษพลาสติก และเศษวัสดุอื่นๆ มาเก็บไว้ อีกทั้งยังนำเครื่องจักรเข้ามาทำกระบวนการรีไซเคิล บดอัด ส่งขาย เบื้องต้นเป็นที่น่าเชื่อได้ว่าขยะพลาสติกที่พบทั้งหมดนี้ทั้งที่ถูกไฟไหม้และไม่ได้ถูกไฟไหม้ถูกนำเข้ามาจากประเทศจีน
พุทธิกรณ์ วิชัยดิษฐ อุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าสถานที่แห่งนี้ขออนุญาตเป็นโกดังสินค้า แต่มีการนำเครื่องจักรเข้ามาประกอบการ ซึ่งเครื่องจักรที่ใช้เข้าข่ายเป็นโรงงานซึ่งยังไม่ได้รับอนุญาต ไม่มีใบอนุญาตประกอบการ และพื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่สีเขียว ไม่สามารถขออนุญาตได้ ทางเจ้าของลักลอบทำ ซึ่งจะมีความผิดตามกฎหมาย เบื้องต้นตรวจสอบเครื่องจักรแล้วเข้าข่ายประกอบการเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ยาง ลำดับที่ 52, 53 ตาม พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ. 2535 เครื่องจักรที่ตรวจสอบพบเบื้องต้นรวมแล้ว 75 แรงม้า เข้าข่ายละเมิด พ.ร.บ.โรงงาน
อ้างอิง:
- สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสาคร
