ช่วงเช้าวานนี้ (21 กุมภาพันธ์) เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงงานผลิตถุงมือยางของ บมจ.ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) หรือ STGT ซึ่งตั้งอยู่ที่ จ.สุราษฎ์ธานี โดยโรงงานแห่งนี้เป็นโรงงานส่วนต่อขยายที่เพิ่งเปิดดำเนินการในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งมีกำลังการผลิตอยู่ที่ราว 2.2 พันล้านชิ้นต่อปี คิดเป็นสัดส่วนราว 6% ของคาดการณ์กำลังการผลิตในปี 2564
ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า ระบุว่า โรงงานแห่งนี้เป็นโรงงานใหม่ มีกำลังการผลิต 2.2 พันล้านชิ้นต่อปี แต่เพิ่งรันไปได้เพียง 140 ล้านชิ้นต่อปี หรือประมาณ 0.3-0.4% ของกำลังการผลิตปัจจุบัน จึงยังไม่มีนัย ดังนั้นในความเห็นของฝ่ายวิจัยแล้ว ประเมินว่าช่วงสั้นหากราคาอ่อนตัวลงมา ถือเป็นโอกาสในการสะสม เพราะผลกระทบต่อประมาณการมีจำกัด
ด้านฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุว่า โรงงานแห่งนี้มีประกันคุ้มครองอยู่แล้ว และเชื่อว่าจะกลับมาผลิตได้ในเร็วๆ นี้ เบื้องต้นประเมินว่าจะเป็นช่วงเดือนมีนาคม 2564 จึงมองว่า Sentiment เชิงลบนี้ จะเป็นโอกาสในการสะสมหุ้น เนื่องจากผลกระทบถือว่ามีน้อยเมื่อเทียบกับประมาณการ อีกทั้งยังมีแนวโน้มกลับมาได้เร็วด้วย
ขณะที่ บล.เอเซีย พลัส ประเมินว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็น Sentiment เชิงลบต่อหุ้น STGT และ บมจ.ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี (STA) ในฐานะบริษัทแม่ของ STGT โดยถือหุ้นราว 56% แต่ผลกระทบดังกล่าวเป็นเพียงระยะสั้น ซึ่งโดยรวมแล้วยังคงประมาณการว่าในปี 2564 ทั้ง STGT และ STA ยังมีกำไรสุทธิที่เติบโตอย่างโดดเด่น จึงยังแนะนำซื้อลงทุนระยะกลางถึงยาว
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
