- ตลาดหุ้นทั่วโลกเริ่มฟื้นตัว โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับมาปิดในแดนบวกอีกครั้ง เช่นเดียวกับตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ที่กลับมาเคลื่อนไหวในแดนบวก ด้วยแรงหนุนจากตัวเลขผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ และตัวเลขบริโภคภายในของสหรัฐฯ ที่ยังอยู่ในระดับที่ดี
- ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ 1. ตัวเลข Core Durable Goods Orders เดือนธันวาคม อยู่ที่ -0.1% (MoM) ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 0.2% (MoM) จากเดือนก่อนหน้าที่หดตัว 0.1% (MoM) 2. ตัวเลข Durable Goods Orders เดือนธันวาคม อยู่ที่ 2.4% (MoM) สูงกว่าคาดการณ์ที่ 0.4% (MoM) จากเดือนก่อนหน้าที่หดตัว 2.1% (MoM) 3. ตัวเลข CB Consumer Confidence เดือนมกราคม อยู่ที่ 131.6 จุด สูงกว่าคาดการณ์ที่ 128.0 จุด จากเดือนก่อนหน้าที่ 126.5 จุด
- เมื่อคืนนี้ บริษัทจดทะเบียนสหรัฐฯ เปิดเผยผลประกอบการไตรมาสที่ 4 โดย Apple ยักษ์ใหญ่เทคโนโลยีสหรัฐฯ เปิดเผย EPS ที่ 4.99 ดอลลาร์ต่อหุ้น สูงกว่าคาดการณ์ที่ 4.54 ดอลลาร์ต่อหุ้น รายได้อยู่ที่ 91,820 ล้านดอลลาร์ สูงกว่า 88,380 ล้านดอลลาร์ ส่วน AMD ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์จากสหรัฐฯ เปิดเผย EPS ที่ 0.32 ดอลลาร์ต่อหุ้น สูงกว่าคาดการณ์ที่ 0.31 ดอลลาร์ต่อหุ้น รายได้ที่ 2,130 ล้านดอลลาร์ สูงกว่า 2,110 ล้านดอลลาร์ จากผลประกอบการที่ออกมาดีกว่าคาดของ Apple หนุนให้ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับมาเคลื่อนไหวในแดนบวกอีกครั้ง หลังปรับตัวลงไปในวันก่อนหน้า
- ติดตามผลประกอบการและการประชุม Fed โดยในคืนนี้ Microsoft บริษัทซอฟต์แวร์ขนาดใหญ่สัญชาติสหรัฐฯ เตรียมเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสที่ 4 โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ EPS จะอยู่ที่ 1.32 ดอลลาร์ต่อหุ้น และรายได้ที่ 35,670 ล้านดอลลาร์ ขณะเดียวกันบริษัทโซเชียลเน็ตเวิร์กระดับโลกอย่าง Facebook เตรียมเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสที่ 4 โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ EPS จะอยู่ที่ 2.52 ดอลลาร์ต่อหุ้น และรายได้ที่ 20,880 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ยังต้องติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ซึ่งตลาดการเงินคาดการณ์ว่าจะไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามท่าทีและแนวโน้มของนโยบายการเงินจากแถลงการณ์หลังการประชุม
- อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เผยจะออกมาตรการ ‘ชิม ช้อป ใช้’ เฟส 4 ช่วงเดือนกุมภาพันธ์นี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะเดียวกัน กระทรวงการคลังจะทบทวนประมาณการการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) สำหรับปีนี้ จากเป้าหมายเดิมคาดไว้ที่ 3.3% เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบ เช่น เศรษฐกิจโลกที่ยังชะลอตัว รวมทั้งการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา
สหรัฐฯ
- Dow 30 ปิดที่ 28722.85 จุด เพิ่มขึ้น 187.05 จุด (+0.66%)
- S&P 500 ปิดที่ 3276.25 จุด เพิ่มขึ้น 32.62 จุด (+1.01%)
- Nasdaq ปิดที่ 9269.68 จุด เพิ่มขึ้น 130.37 จุด (+1.43%)
ยุโรป
- DAX ปิดที่ 13323.69 จุด เพิ่มขึ้น 118.92 จุด (+0.90%)
- FTSE 100 ปิดที่ 7480.69 จุด เพิ่มขึ้น 68.64 จุด (+0.93%)
- Euro Stoxx 50 ปิดที่ 3719.22 จุด เพิ่มขึ้น 41.38 จุด (+1.13%)
- FTSE MIB ปิดที่ 24027.63 จุด เพิ่มขึ้น 611.50 จุด (+2.61%)
เอเชีย
- ตลาดหุ้นจีน ฮ่องกง ไต้หวัน ปิดทำการ
- Nikkei 225 ปิดที่ 23215.71 จุด ลดลง 127.00 จุด (-0.55%)
- S&P/ASX 200 ปิดที่ 6994.50 จุด ลดลง 96.00 จุด (-1.35%)
- SET ปิดที่ 1513.26 จุด ลดลง -10.89 จุด (-0.71%)
- KOSPI ปิดที่ 2176.72 จุด ลดลง -69.41 จุด (-3.09%)
- IDX Composite ปิดที่ 6111.18 จุด ลดลง 22.02 จุด (-0.36%)
- BSE Sensex ปิดที่ 41386.4 จุด เพิ่มขึ้น 271.02 จุด (0.66%)
- PSEi Composite ปิดที่ 7468.70 จุด ลดลง 118.93 จุด (-1.57%)
Commodity
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดที่ 53.48 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง -0.34 (-0.6%)
- ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ปิดที่ 59.51 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง -0.19 (-0.3%)
- ราคาทองคำปิดที่ 1569.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลดลง -7.60 (-0.48%)
อ้างอิง:
- Infoquest
- Bloomberg
- Investing
- CNBC
- Reuters