- จับตาตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ โดยวันนี้สหรัฐฯ มีกำหนดประกาศดัชนีรายจ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน (Core PCE) ประจำเดือนกรกฎาคม ซึ่งคาดว่าจะขยายตัว 1.2% (YoY) และ 0.5% (MoM) โดยเป็นการขยายตัวจากเดือนก่อนหน้าทั้ง 2 ชนิดการเปรียบเทียบ จากแนวโน้มการบริโภคที่กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง
- วานนี้ มาร์ก เอสเปอร์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ระบุว่า แผนการเสริมสร้างแสนยานุภาพของจีน และท่าทียั่วยุในกรณีพิพาททั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ทะเลจีนใต้นั้นเป็นเรื่องที่น่ากังวล และเป็นการแสดงพฤติกรรมที่แย่ที่สุด พร้อมทั้งเรียกร้องให้ประเทศพันธมิตรและหุ้นส่วนของสหรัฐฯ ร่วมมือกัน เพื่อปกป้องผลประโยชน์ สร้างความพร้อมเพรียง และป้องกันอำนาจอธิปไตยและคุณค่า โดยแถลงการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่สถานการณ์ทะเลจีนใต้ตึงเครียดอีกครั้งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จากการทดสอบขีปนาวุธพิสัยกลาง 2 ลูกของจีน เพื่อตอบโต้การส่งเครื่องบินสอดแนมเข้ามาในพื้นที่พิพาท
- สแตนลีย์ เอิร์ก ซีอีโอบริษัท Novavax หนึ่งในบริษัทผลิตวัคซีนรายใหญ่ของสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าของการผลิตวัคซีนว่า Novavax เริ่มเปิดรับอาสาสมัครเข้าร่วมการทดสอบวัคซีนในระยะที่ 2 แล้ว และคาดว่าจะเสร็จสิ้นการดำเนินการทดลองทางคลินิกในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ พร้อมทั้งระบุว่ามีแผนที่จะผลิตส่วนประกอบวัคซีนจากโรงงานในบริษัทของสาธารณรัฐเช็ก ซึ่งจะส่งผลให้เช็กเป็นประเทศที่สามารถเข้าถึงวัคซีนดังกล่าวได้หลังจากที่ผ่านการอนุมัติ
- วานนี้ เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ปาฐกถาที่งานสัมมนาวิชาการเศรษฐศาสตร์หรือ Jackson Hole Meeting ในหัวข้อ New Economic Challenges and the Fed’s Monetary Policy Review (ความท้าทายของเศรษฐกิจยุคใหม่ และมาตรการทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ) โดยมีสาระสำคัญคือ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ได้ทบทวนและปรับปรุงกลยุทธ์การดำเนินนโยบายการเงิน เพื่อให้การดำเนินนโยบายทางการเงินเป็นไปได้อย่างโปร่งใสและมีประสิทธิภาพ จากบริบทของเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไปจากเดิม ส่งผลให้ FOMC มีนโยบายเปลี่ยนแนวทางการกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อเป็นการใช้ ‘เป้าหมายเงินเฟ้อเฉลี่ย’ แทน เพิ่มความยืดหยุ่น ซึ่งจะช่วยสนับสนุนตลาดแรงงานและเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในอนาคตได้ดีกว่า โดยจากการพิจารณาแนวโน้มสังคมผู้สูงอายุ ประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจที่ลดลง และโครงสร้างตลาดแรงงานที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาวมีแนวโน้มปรับตัวลดลง ส่งผลให้การปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้มีประสิทธิภาพลดลง และสร้างแรงกดดันไปยังอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับต่ำต่อเนื่อง
- กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรกประจำสัปดาห์ออกมาที่ 1.006 ล้านราย มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.0 ล้านราย แต่ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 1.104 ล้านราย สะท้อนภาวะการฟื้นตัวของการจ้างงาน สอดคล้องกับตัวเลขยอดบ้านรอปิดการขายประจำเดือนกรกฎาคม ที่ประกาศออกมาขยายตัว 5.9% (MoM) ดีกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 3.0% (MoM) แต่ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 15.8% (MoM) สะท้อนภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวในช่วงที่ผ่านมา
ภาวะตลาดวานนี้
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นหลัง เจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed ประกาศเปลี่ยนนโยบายการเงินเพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจตอนนี้ โดยจะตรึงอัตราดอกเบี้ยติด 0% ไปอีกระยะ และเปลี่ยนมาใช้เป้าหมายเงินเฟ้อเฉลี่ยแทนซึ่งทำให้เงินเฟ้อบางครั้งสูงกว่า 2% ได้ ซึ่งส่งผลดีต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นอย่างต่อเนื่อง สวนทางกันกับตลาดหุ้นยุโรปที่ปรับตัวลง หลังตลาดปรับตัวขึ้นก่อนหน้านี้ และการชะลอการลงทุนของนักลงทุนเพื่อจับตาดูตัวเลขเศรษฐกิจที่จะประกาศในค่ำคืน
- สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงเล็กน้อยหลังตลาดคาดการณ์ว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจากเฮอริเคนในอ่าวเม็กซิโกนั้นไม่ได้ส่งผลต่อการผลิตมากนัก ด้วยเหตุนี้จึงอาจทำให้ปริมาณน้ำมันในตลาดเพิ่มขึ้น และทำให้ราคาน้ำมันลดลง ด้านสัญญาทองคำปรับตัวลงในช่วงตลาดเปิดใหม่ๆ ราคาทองคำปรับตัวไปแตะ 2,000 จุด แต่ในเวลาต่อมามีแรงเทขายทำกำไรจากนักลงทุนที่ขานรับปัจจัยตัวเลข GDP ของสหรัฐฯ หลังหดตัวน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
สหรัฐฯ
- Dow Jones อยู่ที่ 28492.27 เพิ่มขึ้น 160.35 (0.57%)
- S&P 500 อยู่ที่ 3484.55 เพิ่มขึ้น 5.82 (0.17%)
- Nasdaq อยู่ที่ 11625.34 ลดลง -39.72 (-0.34%)
ยุโรป
- DAX อยู่ที่ 13096.36 ลดลง -93.79 (-0.71%)
- FTSE 100 อยู่ที่ 5999.99 ลดลง -45.61 (-0.75%)
- Euro Stoxx 50 อยู่ที่ 3331.04 ลดลง -25.72 (-0.77%)
- FTSE MIB อยู่ที่ 19847.38 ลดลง -289.91 (-1.44%)
เอเชีย
- Nikkei 225 อยู่ที่ 23208.86 ลดลง -82 (-0.35%)
- S&P/ASX 200 อยู่ที่ 6126.2 เพิ่มขึ้น 9.8 (0.16%)
- Shanghai อยู่ที่ 3350.03 ลดลง -0.09 (0%)
- SZSE Component อยู่ที่ 13535.09 เพิ่มขึ้น 106.69 (0.8%)
- China A50 อยู่ที่ 15446.33 เพิ่มขึ้น 15.21 (0.1%)
- Hang Seng อยู่ที่ 25281.15 ลดลง -210.64 (-0.83%)
- Taiwan Weighted อยู่ที่ 12797.31 ลดลง -35.98 (-0.28%)
- SET อยู่ที่ 1326.81 เพิ่มขึ้น 4.26 (0.32%)
- KOSPI อยู่ที่ 2344.45 ลดลง -24.87 (-1.05%)
- IDX Composite อยู่ที่ 5371.47 เพิ่มขึ้น 31.14 (0.58%)
- BSE Sensex อยู่ที่ 39113.47 เพิ่มขึ้น 39.55 (0.1%)
- PSEi Composite อยู่ที่ 5921.55 ลดลง -31.89 (-0.54%)
Commodity
- ราคาน้ำมันดิบ WTI อยู่ที่ 42.95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง -0.46 (-1.06%)
- ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ อยู่ที่ 45.66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง -0.63 (-1.36%)
- ราคาทองคำ อยู่ที่ 1928.21 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลดลง -25.43 (-1.3%)
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
- InfoQuest
- Bloomberg
- Investing
- CNBC
- Reuters