Dow Jones ดิ่งลงเกือบ 1,200 จุด วิตกโควิด-19 ระบาดในสหรัฐฯ: 5 ปัจจัยที่นักลงทุนต้องรู้ (28 ก.พ. 2563)

หุ้นสหรัฐฯ ร่วงลงมากกว่า 4% โดยดัชนี Dow Jones ปิดตลาดร่วง 1,190 จุด หรือ 4.42% เนื่องจากกังวลถึงผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาในสหรัฐฯ หลังมีรายงานพบผู้ติดเชื้อในชุมชนรายแรกของประเทศ และพบผู้สุ่มเสี่ยงติดเชื้อมากถึง 8,400 ราย ที่อยู่ในภาวะเฝ้าระวัง Goldman Sachs เตือนว่า แนวโน้มรายได้บริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ อาจไม่เติบโตในปีนี้ และปรับลดคาดการณ์กำไรลงจากผลกระทบการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนในไตรมาส 1 ซึ่งฉุดทั้งดีมานด์ภาคการส่งออกสหรัฐฯ และการชะงักของสายการผลิตของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ ที่ต้องพึ่งพาจีน รวมถึงแนวโน้มความไม่แน่นอนทางธุรกิจที่เร่งตัวสูงขึ้น

ตัวเลขผู้ป่วยโควิด-19 นอกจีนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เกาหลีใต้รายงานยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 505 ราย รวมติดเชื้อแล้ว 1,766 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย รวมมีผู้เสียชีวิตแล้ว 13 ราย ขณะที่ยอดผู้ที่รักษาหายอยู่ 24 ราย ส่วนอิตาลีรายงานผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 185 ราย รวมติดเชื้อแล้ว 655 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 5 ราย รวมมีผู้เสียชีวิตแล้ว 17 ราย ขณะที่ยอดผู้รักษาหายอยู่ที่ 45 ราย ญี่ปุ่นรายงานผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 35 ราย รวมติดเชื้อสะสม 207 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย รวมมีผู้เสียชีวิต 5 ราย และรักษาหาย 32 ราย ขณะที่อิหร่านรายงานผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 106 ราย รวมติดเชื้อแล้ว 245 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 7 ราย รวมมีผู้เสียชีวิตสะสม 26 ราย และยอดผู้ที่รักษาหาย 54 ราย

ราคาน้ำมัน WTI ทรุดตัวเหลือ 46 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบยังคงปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา เนื่องจากผู้บริโภครายใหญ่คือจีน มีการน้ำเข้าลดลงจากภาษีเศรษฐกิจชะงักงัน ซาอุดีอาระเบียคาดการส่งออกน้ำมันไปจีนในเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้จะเหลือเพียง 500,000 บาร์เรลต่อวัน จากปกติที่มีการนำเข้าอยู่ในระดับ 1.8-2.0 ล้านบาร์เรลต่อวัน

ยาต้านโควิด-19 เตรียมทดลองใช้เดือนหน้า Gilead Sciences Inc ผู้ผลิตยาต้าน HIV รายใหญ่ของโลกจากสหรัฐฯ เปิดเผยว่า จะเริ่มทดลองยา remdesivir ซึ่งเป็นยาต้านไวรัส กับผู้ป่วยติดเชื้อโคโรนาจำนวนราว 1,000 รายในประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียเดือนมีนาคม รวมทั้งในประเทศที่มีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสดังกล่าวจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขของสหรัฐฯ กล่าวว่า ขณะนี้มีการเริ่มทดสอบทางคลินิกสำหรับยา remdesivir ต่อคนไข้ในโรงพยาบาลแล้ว ซึ่งเป็นการใช้ยา remdesivir รักษาผู้ป่วยติดเชื้อโคโรนา 2019 รายแรกในสหรัฐฯ และผู้ป่วยก็มีอาการดีขึ้นในวันรุ่งขึ้น

จับตาตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ

ไทยมีตัวเลขเศรษฐกิจที่รอประกาศ ได้แก่ 1. การบริโภคภาคเอกชนประจำเดือนมกราคมจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ 2. การลงทุนภาคเอกชนประจำเดือนมกราคมจากแบงก์ชาติ 3. ตัวเลขนำเข้าส่งออกประเดือนมกราคมจากแบงก์ชาติ ส่วนสหรัฐฯ มีกำหนดประกาศตัวเลขดัชนีราคาด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) และดัชนีราคาด้านการบริโภคส่วนบุคคลขั้นพื้นฐาน (Core-PCE) ซึ่งมีนักวิเคราะห์คาดว่า Core-PCE ประจำเดือนมกราคม มีแนวโน้มขยายตัวเล็กน้อยที่ 1.7% เทียบปีก่อนหน้าที่ 1.6% แต่มองว่า ทรงตัวเมื่อเทียบเดือนก่อนที่ 0.2% ขณะที่รายจ่ายส่วนบุคคลประจำเดือนมกราคมอาจทรงตัวที่ระดับเดิมคือ 0.3% จากเดือนก่อนหน้า

สรุปภาพรวมตลาดวานนี้

ดัชนี Dow Jones, S&P 500 และ Nasdaq ปรับตัวลงกว่า 4% หลังพบผู้ป่วยโควิด-19 รายแรกที่ยังไม่ทราบสาเหตุการติดเชื้อ รวมไปถึงตัวเลขการขอสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้นและเพิ่มมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนว่าเศรษฐกิจอาจชะลอตัวมากกว่าที่คาด ส่งผลให้หุ้นกลุ่มสายการบินและหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงแรง เช่น หุ้น American Airlines ร่วง 7.6% หุ้น Apple ร่วง 6.5% ฯลฯ สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นยุโรปที่ปรับตัวลงกว่า 3% จากความกังวลที่เศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมไปถึงผลประกอบการของบริษัทบางแห่งที่ประกาศออกมาไม่ค่อยดีนัก ส่งผลให้นักลงทุนเทขายหุ้นที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยงออกมา

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงแรงจากความกังวลที่เศรษฐกิจจะชะลอตัว ส่งผลให้ปริมาณความต้องการใช้น้ำมันลดลง ซึ่งอาจเกิดภาวะน้ำมันล้นตลาดได้ ด้านตลาดทองคำปรับตัวลงเล็กน้อยจากแรงเทขายทำกำไรบางส่วนของนักลงทุน จากที่ก่อนหน้านี้ราคาทองปรับตัวขึ้นมาแรง อย่างไรก็ตามในช่วงก่อนตลาดปิดมีแรงซื้อเข้าเพิ่มจากความกังวลที่เศรษฐกิจจะชะลอตัวจากการแพร่ระบาดของโควิด-19

สหรัฐฯ