- โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ว่า สำนักงานอาหารและยาของสหรัฐฯ (FDA) ได้อนุมัติให้ใช้พลาสมาที่มีโปรตีนภูมิคุ้มกัน (Convalescent plasma) รักษาผู้ป่วยโควิด-19 แล้ว พร้อมทั้งระบุว่าวิธีการนี้เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย อีกทั้งยังสามารถเข้าถึงการรักษาได้ง่ายขึ้น เมื่อพิจารณาจากการทดลองทางคลินิกในช่วงแรกของการแพร่ระบาด
- ออง ยี กัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงขนส่งของสิงคโปร์เปิดเผยกับสำนักข่าว Reuters ว่า สิงคโปร์กำลังเตรียมเปิดรับนักท่องเที่ยวจากบรูไนและนิวซีแลนด์ ในวันที่ 8 กันยายนนี้ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สิงคโปร์ออกมาตรการห้ามนักท่องเที่ยวเดินทางเข้า หลังโควิด-19 แพร่ระบาด โดยนักท่องเที่ยวที่อาศัยอยู่ใน 2 ประเทศดังกล่าวเป็นระยะเวลา 14 วัน ก่อนที่จะเดินทางมาสิงคโปร์ สามารถที่จะท่องเที่ยวได้ทันที หลังตรวจหาเชื้อไม่พบ โดยไม่ต้องกักตัวแต่อย่างใด เนื่องจากบรูไนและนิวซีแลนด์สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี
- มิเชล บาร์นิเยร์ และเดวิด ฟรอสต์ ผู้แทนเจรจาจากสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักรตามลำดับ ออกมาให้ความเห็นต่อการเจรจาข้อตกลงทางการค้าเพื่อการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร (Brexit) ว่า การเจรจารอบล่าสุดนั้นยังไม่มีความคืบหน้ามากนัก เนื่องจากสหราชอาณาจักรเชื่อว่ายุโรปไม่ได้เจรจากับสหราชอาณาจักรบนหลักแห่งความเท่าเทียมกับคู่ค้าอื่นๆ ของยุโรป ซึ่งแสดงออกชัดเจนผ่านข้อเรียกร้องจำนวนมากที่สหภาพยุโรปตั้งขึ้น ซึ่งสหภาพยุโรปต้องยอมรับความจริงดังกล่าว การเจรจาหาข้อตกลงจึงจะมีโอกาสบรรลุอย่างราบรื่นได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้ทันกำหนดการที่ตั้งเอาไว้ภายในเดือนตุลาคม 2020
- Reuters รายงานว่าบริษัทพลังงานที่มีฐานขุดเจาะบริเวณอ่าวเม็กซิโก ต้องลดกำลังการผลิตลงกว่า 57.6% ของกำลังการผลิตทั้งหมด หรือคิดเป็นน้ำมันดิบกว่า 1.07 ล้านบาร์เรลต่อวัน หลังจากที่พายุโซนร้อนมาร์โกและลอร์รา เข้าสู่อ่าวเม็กซิโกในช่วงวันเสาร์ที่ผ่านมา สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันกับการลดกำลังการผลิตของก๊าซธรรมชาติ ที่ถูกคาดการณ์ว่าจะต้องลดการผลิตกว่า 44.6% หรือคิดเป็น 1,205 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวันเช่นกัน
- กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีนเปิดเผยว่า อุตสาหกรรมโทรคมนาคมของจีนเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาของปีนี้ โดยรายได้รวมของอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 8.03 แสนล้านหยวน หรือประมาณ 1.16 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้น 3.1% (YoY) และสะท้อนในรายได้ของบริษัทยักษ์ใหญ่ 3 รายแรก จากการใช้บริการสื่อสารแบบใช้สายหรือโทรศัพท์พื้นฐาน ได้แก่ ไชน่า โมบาย, ไชน่า ยูนิคอม และไชน่า เทเลคอม แตะที่ระดับ 2.73 แสนล้านหยวน ซึ่งเพิ่มขึ้น 11.5% (YoY)
ภาวะตลาดวันศุกร์ที่ผ่านมา
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นหลังตัวเลขเศรษฐกิจออกมาแข็งแกร่ง โดยดัชนี PMI ทั้งภาคการผลิตและภาคบริการออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้อยู่ที่ 53.6 และ 54.8 ตามลำดับ ซึ่งมีค่ามากกว่า 50 บ่งชี้ถึงแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจในสหรัฐฯ สวนทางกันกับตลาดหุ้นยุโรปที่ปรับตัวลงหลังตัวเลขเศรษฐกิจออกมาอ่อนแอ โดยดัชนี PMI ทั้งภาคการผลิตและภาคบริการออกมาแย่ว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ แสดงถึงแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอาจล่าช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้
- สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงจากความกังวลที่เศรษฐกิจอาจฟื้นตัวได้ช้าจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ยังไม่มีทีท่าสิ้นสุด รวมไปถึงจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้ปริมาณน้ำมันกลับมาล้นตลาดได้อีกครั้ง ด้านสัญญาทองคำปรับตัวขึ้นจากความกังวลที่เศรษฐกิจอาจฟื้นตัวช้าจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยจากความกังวลดังกล่าว
สหรัฐ
- Dow Jones อยู่ที่ 27930.33 เพิ่มขึ้น 190.6 (0.69%)
- S&P 500 อยู่ที่ 3397.16 เพิ่มขึ้น 11.65 (0.34%)
- Nasdaq อยู่ที่ 11311.8 เพิ่มขึ้น 46.85 (0.42%)
ยุโรป
- DAX อยู่ที่ 12785.8 เพิ่มขึ้น 21 (0.16%)
- FTSE 100 อยู่ที่ 6012.38 เพิ่มขึ้น 10.49 (0.17%)
- Euro Stoxx 50 อยู่ที่ 3269.33 เพิ่มขึ้น 25.78 (0.79%)
- FTSE MIB อยู่ที่ 19695.43 ลดลง -71.53 (-0.36%)
เอเชีย
- Nikkei 225 อยู่ที่ 22920.3 เพิ่มขึ้น 39.68 (0.17%)
- S&P/ASX 200 อยู่ที่ 6111.2 ลดลง -8.8 (-0.14%)
- Shanghai อยู่ที่ 3380.68 เพิ่มขึ้น 16.78 (0.5%)
- SZSE Component อยู่ที่ 13478 เพิ่มขึ้น 157.08 (1.18%)
- China A50 อยู่ที่ 15383.66 เพิ่มขึ้น 101 (0.66%)
- Hang Seng อยู่ที่ 25113.84 เพิ่มขึ้น 322.45 (1.3%)
- Taiwan Weighted อยู่ที่ 12607.84 เพิ่มขึ้น 245.2 (1.98%)
- SET อยู่ที่ 1299.26 เพิ่มขึ้น 2.47 (0.19%)
- KOSPI อยู่ที่ 2304.59 เพิ่มขึ้น 30.37 (1.34%)
- IDX Composite อยู่ที่ 5272.81 ลดลง -22.36 (-0.42%)
- BSE Sensex อยู่ที่ 38434.72 เพิ่มขึ้น 214.33 (0.56%)
- PSEi Composite อยู่ที่ 6005.4 ลดลง 0 (0%)
Commodity
- ราคาน้ำมันดิบ WTI อยู่ที่ 42.34 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง -0.24 (-0.56%)
- ราคาน้ำมันดิบเบรนท์อยู่ที่ 44.35 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง -0.55 (-1.22%)
- ราคาทองคำ อยู่ที่ 1939.4 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลดลง -3.2 (-0.16%)
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
- InfoQuest
- Bloomberg
- Investing
- CNBC
- Reuters