- มีการคาดการณ์ว่าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนในสัปดาห์นี้จะไร้ความคืบหน้า ท่ามกลางปัจจัยแวดล้อมที่ไม่เป็นผลดีต่อการเจรจา ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ระดับรัฐมนตรีช่วยของสหรัฐฯ และจีนได้เริ่มต้นการเจรจาการค้ารอบใหม่เมื่อวานนี้ เพื่อปูทางสำหรับการเจรจาการค้าระดับรัฐมนตรีที่จะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะเจรจากันเกี่ยวกับการบังคับถ่ายโอนเทคโนโลยี การขโมยสิทธิทรัพย์สินทางปัญญา การตั้งกำแพงการค้าที่ไม่ใช่ภาษี รวมทั้งประเด็นในด้านการเกษตรและภาคบริการ และการบังคับใช้มาตรการต่างๆ ตามข้อตกลง โดยสื่อรายงานว่าเจ้าหน้าที่จีนไม่ต้องการทำข้อตกลงการค้าในวงกว้างตามที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต้องการ โดย หลิวเหอ รองนายกรัฐมนตรีจีนกล่าวว่า ข้อเสนอต่อสหรัฐฯ จะไม่รวมถึงคำมั่นสัญญาของรัฐบาลจีนในการปฏิรูปนโยบายอุตสาหกรรมหรือการให้เงินอุดหนุนของภาครัฐ ทั้งนี้จีนได้ลดระดับความสำคัญของการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ได้ประกาศขึ้นบัญชีดำบริษัทเทคโนโลยีและหน่วยงานความมั่นคงของจีนรวม 28 แห่ง โดยอ้างว่าบริษัทเหล่านี้มีส่วนในการละเมิดสิทธิมนุษยชนของชาวมุสลิม ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยในเขตปกครองตนเองซินเจียง การประกาศดังกล่าวนับเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลของทรัมป์ได้ขึ้นบัญชีดำบริษัทจีนด้วยเหตุผลด้านสิทธิมนุษยชน จากเดิมที่เคยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติอย่างที่ได้เคยทำกับบริษัท Huawei
- จีนแบนถ่ายทอด NBA พรีซีซันทุกเกม กระทรวงการต่างประเทศจีนออกมายืนยันว่าจะไม่มีการถ่ายทอดสดทุกเกมการแข่งขันในช่วงพรีซีซันของ NBA หลังผู้จัดการทีมของฮุสตัน ร็อกเก็ตส์ ใช้ทวิตเตอร์สนับสนุนผู้ประท้วงในฮ่องกง นอกจากนี้ยังไม่พอใจที่ประธาน NBA ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าทางการสหรัฐฯ ไม่มีสิทธิ์เข้าควบคุม แต่ควรสนับสนุนเสรีภาพในการแสดงออก
- ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ เมื่อคืนนี้สหรัฐฯ ประกาศดัชนีราคาฝั่งผู้ผลิตหรืออัตราเงินเฟ้อผู้ผลิต (PPI) และอัตราเงินเฟ้อผู้ผลิตพื้นฐาน (Core PPI) เดือนกันยายน ซึ่งต่างออกมาที่ -0.3% (MoM) ขณะที่ในคืนนี้ยังต้องติดตามตัวเลขตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่ (JOLTs Job Openings) เดือนสิงหาคม คาดว่าจะอยู่ที่ 7.191 ล้านตำแหน่ง จาก 7.217 ล้านตำแหน่งในเดือนก่อนหน้า
- ติดตามตัวเลขสต๊อกน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกันหรือไม่ Energy Information Administration (EIA) มีกำหนดการประกาศปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง (Crude Oil Inventories) โดยคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.413 ล้านบาร์เรล หลังจากเพิ่มขึ้น 3.100 ล้านบาร์เรลเมื่อสัปดาห์ก่อน ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจโลกจากประเด็นสงครามการค้าที่ยังไร้ข้อยุติ
- กระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของจีนรายงานว่า นักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางไปยังต่างประเทศและนักท่องเที่ยวที่เดินทางท่องเที่ยวในประเทศจีนในช่วงโกลเดนวีกมีจำนวนลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากเหตุประท้วงในฮ่องกง สกุลเงินหยวนที่อ่อนกว่า และสภาพเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเดินทางออกจากประเทศจีน ขณะที่ฮ่องกงซึ่งเป็นจุดหมายยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจีนในช่วงโกลเดนวีกได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยยอดนักท่องเที่ยวจากจีนที่เดินทางมายังฮ่องกงลดลงมากถึง 48% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงอุปสงค์การบริโภคที่อ่อนแอ ที่กำลังลดความพยายามของรัฐบาลจีนในการปรับสมดุลและการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศที่กำลังชะลอตัว
ภาวะตลาดวานนี้
- ก่อนการประชุมการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่จะจัดขึ้นในพรุ่งนี้มีแนวโน้มที่จะไร้ความคืบหน้าสูง เมื่อสหรัฐฯ ประกาศขึ้นบัญชีดำบริษัทเทคโนโลยีโลยีและหน่วยงานจีนรวม 28 แห่ง โดยอ้างว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกดขี่ชาวมุสลิมอุยกูร์ในเขตปกครองตนเองซินเจียง ขณะที่จีนสั่งแบนการถ่ายทอดสดการแข่งขันบาสเกตบอลรายการ NBA หลังผู้จัดการทีมฮุสตัน ร็อกเก็ตส์ ทีมยอดนิยมใน NBA ทวีตข้อความหนุนการประท้วงในฮ่องกง
- ด้านผู้แทนการค้าสหรัฐฯ และจีนได้มีการหารือล่วงหน้าด้านการบังคับถ่ายโอนเทคโนโลยี การขโมยสิทธิทรัพย์สินทางปัญญา การตั้งกำแพงการค้าที่ไม่ใช่ภาษี รวมทั้งประเด็นในด้านการเกษตรและภาคบริการ และการบังคับใช้มาตรการต่างๆ ซึ่งยังไร้ความคืบหน้าตามที่สื่อจีนเผย เนื่องจากฝั่งจีนยังไม่ต้องการทำข้อตกลงในวงกว้างตามที่ทรัมป์ต้องการ ข่าวดังกล่าวสร้างแรงกดดันต่อการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรป ซึ่งต่างปรับตัวในแดนลบ โดยดัชนี S&P 500 ปิด -1.56% และ Euro Stoxx 50 ปิด -1.11% ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเปิดซื้อขายในแดนบวกตามทิศทางตลาดหุ้นจีนที่เปิดบวก ภายหลังจากที่หยุดยาวในช่วงวันชาติ
- ส่วนราคาทองคำได้รับปัจจัยหนุนจากประเด็นดังกล่าว ส่งผลให้สามารถกลับไปยืนเหนือระดับ 1,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ (+0.18%) แต่ราคาน้ำมันกลับปรับตัวลงต่อเนื่องจากความกังวลว่าหากดีลสหรัฐฯ-จีนล่มอาจฉุดการขยายตัวต่อเศรษฐกิจโลกอย่างต่อเนื่อง โดยน้ำมันดิบ WTI ปิดที่ -1.19% และน้ำมันดิบเบรนท์ปิดที่ -1.06%
สหรัฐฯ
- Dow 30 ปิดที่ 26164.04 ลดลง 313.98 (-1.19%)
- S&P 500 ปิดที่ 2893.06 ลดลง 45.73 (-1.56%)
- Nasdaq ปิดที่ 7823.78 ลดลง 132.52 (-1.67%)
ยุโรป
- DAX ปิดที่ 11970.2 ลดลง 127.23 (-1.05%)
- FTSE 100 ปิดที่ 7143.15 ลดลง 54.73 (-0.76%)
- Euro Stoxx 50 ปิดที่ 3432.76 ลดลง 38.48 (-1.11%)
- FTSE MIB ปิดที่ 21405.73 ลดลง 246.42 (-1.14%)
เอเชีย
- Nikkei 225 ปิดที่ 21587.78 เพิ่มขึ้น 212.53 (+0.99%)
- S&P/ASX 200 ปิดที่ 6593.4 เพิ่มขึ้น 29.8 (+0.45%)
- Shanghai ปิดที่ 2913.57 เพิ่มขึ้น 8.38 (+0.29%)
- SZSE Component ปิดที่ 9474.75 เพิ่มขึ้น 28.52 (+0.3%)
- China A50 ปิดที่ 13715.01 เพิ่มขึ้น 150.71 (+1.11%)
- Hang Seng ปิดที่ 25893.4 เพิ่มขึ้น 72.37 (+0.28%)
- Taiwan Weighted ปิดที่ 11017.31 เพิ่มขึ้น 82.25 (+0.75%)
- SET ปิดที่ 1612.17 ลดลง 1.54 (-0.1%)
- KOSPI ปิดที่ 2046.25 เพิ่มขึ้น 24.52 (+1.21%)
- IDX Composite ปิดที่ 6039.6 เพิ่มขึ้น 39.02 (+0.65%)
- PSEi Composite ปิดที่ 7756.72 เพิ่มขึ้น 73.5 (+0.96%)
- **BSE Sensex หยุดทำการ
Commodity
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดที่ 52.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 0.63 (-1.19%)
- ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ปิดที่ 57.73 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 0.62 (-1.06%)
- ราคาทองคำ Gold ปิดที่ 1507.05 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 2.65 (+0.18%)
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:
- Infoquest
- Bloomberg
- Investing