- จับตาตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ โดยวันนี้กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ มีกำหนดประกาศตัวเลขตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่ (U.S. JOLTs Job Openings) ประจำเดือนกรกฎาคม ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ 6.0 ล้านตำแหน่ง ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนมิถุนายนที่ 5.889 ล้านตำแหน่ง หลังผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจฟื้นตัวอีกครั้ง
- AstraZeneca บริษัทผลิตยาจากสหราชอาณาจักรประกาศหยุดพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 ที่ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดชั่วคราว เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยอย่างละเอียด หลังพบความเป็นไปได้ว่าหนึ่งในอาสาสมัครที่เข้าร่วมทดสอบนั้นอาจมีอาการป่วยมาจากการทดลองวัคซีนนี้ พร้อมทั้งระบุว่าการหยุดการทดลองชั่วคราวนั้นเป็นไปตามมาตรการปกติ เพื่อสืบหาสาเหตุ เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของวัคซีนเท่านั้น
- หนังสือพิมพ์ New York Times รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวระบุว่า รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพิจารณาแบนผลิตภัณฑ์จากฝ้ายที่ผลิตในเขตปกครองตนเองซินเจียงของจีนเพิ่มเติม เนื่องจากมีการใช้แรงงานอย่างไม่ถูกกฎหมายสากล และละเมิดสิทธิมนุษยชนชาวอุยกูร์และชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมอื่นๆ ในพื้นที่ดังกล่าว นับเป็นอีกมาตรการหนึ่งที่สหรัฐฯ เตรียมนำมากดดันจีนหลังจากที่ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ ถดถอยลงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ผ่านมา
- วานนี้รัฐบาลจีนออกแถลงการณ์ถึงความตึงเครียดบริเวณชายแดนติดกับอินเดียเพิ่มเติม ระบุว่า ทหารอินเดียได้เคลื่อนกำลังเข้าสู่พื้นที่พิพาท พร้อมกับยิงเตือนหน่วยลาดตระเวนของจีน ซึ่งจีนมองว่าการกระทำนี้เป็น ‘การยั่วยุทางทหารอย่างร้ายแรง’ ส่งผลให้ทหารจีนต้องตอบโต้เพื่อรักษาความมั่นคงและควบคุมสถานการณ์ โดยทางการจีนเรียกร้องให้อินเดียถอนกำลังออกจากพื้นที่พิพาททันที อย่างไรก็ตาม ยังปราศจากการรายงานผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากทั้งสองประเทศ
- รัฐบาลจีนกล่าวถึงการหายตัวไปของ เฉิงเล่ย ผู้สื่อข่าวและผู้ประกาศข่าวชาวออสเตรเลียของ CGTN ว่ารัฐบาลจีนเป็นผู้ควบคุมตัวด้วยเหตุผลทางด้านความมั่นคง ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวของ AFC และผู้สื่อข่าวของ ABC ได้ขออพยพออกจากจีนเป็นการเร่งด่วน หลังตำรวจจีนเรียกผู้สื่อข่าว 2 รายไปสอบสวน ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงเช่นเดียวกัน ส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและออสเตรเลียย่ำแย่ลงอีก หลังจากที่ก่อนหน้านี้จีนลดการนำเข้าเนื้อวัวจากออสเตรเลีย เพื่อตอบโต้การเรียกร้องของออสเตรเลียให้จีนยอมให้คณะผู้ตรวจสอบจากนานาประเทศเข้าไปสืบสวนถึงต้นกำเนิดของโควิด-19
ภาวะตลาดวานนี้
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงหลังประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ขู่จะลดความสัมพันธ์การค้ากับจีน ทั้งยังขู่เก็บภาษีและระงับสัญญาทางธุรกิจระหว่างรัฐบาลสหรัฐฯ กับบริษัทที่สร้างงาน สร้างรายได้ให้กับจีนอีกด้วย ส่งผลให้นักลงทุนเทขายหุ้นที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยงออกมาจากแรงกดดันดังกล่าว สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นยุโรปที่ปรับตัวลงมาเช่นกันจากความกังวลที่อังกฤษจะออกจาก EU โดยไม่มีข้อตกลงการค้า รวมไปถึงตัวเลขเศรษฐกิจโซนยุโรปที่ออกมาอ่อนแอ แสดงถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในยุโรปอาจล่าช้าออกไปอีก
- สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวร่วงแรงจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจทั่วโลกทั้งความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับจีน และความไม่แน่นอนระหว่างยุโรปและอังกฤษที่ยังไม่ได้ข้อสรุปการแยกตัวออกมา รวมทั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังไม่หยุด ส่งผลให้ปริมาณความต้องการน้ำมันลดลง จนอาจเกิดภาวะน้ำมันล้นตลาด ด้านสัญญาทองคำปรับตัวขึ้นจากความกังวลที่เศรษฐกิจทั่วโลกอาจยังไม่ฟื้นจากความไม่แน่นอนทางการค้าในหลายๆ ประเทศ ซึ่งส่งผลกระทบไปในวงกว้าง ส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยจากความกังวลดังกล่าว
สหรัฐฯ
- Dow Jones อยู่ที่ 27500.89 ลดลง -632.42 (-2.25%)
- S&P 500 อยู่ที่ 3331.84 ลดลง -95.12 (-2.78%)
- Nasdaq อยู่ที่ 10847.69 ลดลง -465.44 (-4.11%)
ยุโรป
- DAX อยู่ที่ 12968.33 ลดลง -131.95 (-1.01%)
- FTSE 100 อยู่ที่ 5930.3 ลดลง -7.1 (-0.12%)
- Euro Stoxx 50 อยู่ที่ 3267.37 ลดลง -46.7 (-1.41%)
- FTSE MIB อยู่ที่ 19380.18 ลดลง -357.82 (-1.81%)
เอเชีย
- Nikkei 225 อยู่ที่ 23274.13 เพิ่มขึ้น 184.18 (0.8%)
- S&P/ASX 200 อยู่ที่ 6007.8 เพิ่มขึ้น 63 (1.06%)
- Shanghai อยู่ที่ 3316.42 เพิ่มขึ้น 23.83 (0.72%)
- SZSE Component อยู่ที่ 13293.33 เพิ่มขึ้น 9.3 (0.07%)
- China A50 อยู่ที่ 15420.88 เพิ่มขึ้น 110.45 (0.72%)
- Hang Seng อยู่ที่ 24624.34 เพิ่มขึ้น 34.69 (0.14%)
- Taiwan Weighted อยู่ที่ 12663.56 เพิ่มขึ้น 62.16 (0.49%)
- SET อยู่ที่ 1293.8 ลดลง -18.15 (-1.38%)
- KOSPI อยู่ที่ 2401.91 เพิ่มขึ้น 17.69 (0.74%)
- IDX Composite อยู่ที่ 5244.07 เพิ่มขึ้น 13.88 (0.27%)
- BSE Sensex อยู่ที่ 38365.35 ลดลง -51.88 (-0.14%)
- PSEi Composite อยู่ที่ 6034.03 เพิ่มขึ้น 98.18 (1.65%)
Commodity
- ราคาน้ำมันดิบ WTI อยู่ที่ 36.59 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง -2.61 (-6.66%)
- ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ อยู่ที่ 39.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง -2.27 (-5.4%)
- ราคาทองคำ อยู่ที่ 1930.41 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลดลง -0.35 (-0.02%)
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง:
- Infoquest
- Bloomberg
- Investing
- CNBC
- Reuters