- จับตาตัวเลขเศรษฐกิจ โดยวันนี้จีนมีกำหนดประกาศดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรมจากสถาบันไฉซินประจำเดือนมิถุนายน ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 50.5 จุด หดตัวลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 50.7 จุด สวนทางกับดัชนีจากศูนย์ข้อมูลโลจิสติกส์จีนที่ประกาศออกมาว่าจะขยายตัวมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ดัชนีทั้ง 2 ยังสามารถยืนเหนือ 50.0 จุดได้ ซึ่งเป็นระดับที่คาดการณ์ว่าการผลิตจะกลับมาขยายตัว ส่วนสหรัฐฯ มีกำหนดประกาศดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรมจากสถาบัน ISM ซึ่งคาดว่าจะฟื้นตัวสู่ระดับ 49.5 จุด เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 แต่ยังคงอยู่ในแนวโน้มหดตัว นอกจากนั้นแล้วยังมีกำหนดประกาศการจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนมิถุนายน ซึ่งคาดว่าจะขยายตัว 3.0 ล้านตำแหน่ง ฟื้นตัวจากช่วงก่อนหน้าโควิด-19 แพร่ระบาด ส่งผลให้มีการปลดคนงานกว่า 23 ล้านตำแหน่งในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา
- วานนี้ สตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ขึ้นให้การแก่รัฐสภา เน้นย้ำว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นปัจจัยหลักที่กดดันการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้จ่ายของประชาชน ส่งผลให้ Fed และกระทรวงการคลังจะยังคงใช้มาตรการช่วยเหลือต่อไป เนื่องจากกังวลว่าหากถอดถอนมาตรการดังกล่าวเร็วเกินไปอาจส่งผลให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ยาก
- หลังจากวานนี้อินเดียประกาศแบน 59 แอปพลิเคชันของจีน ซึ่งรวมไปถึง TikTok และ WeChat สองแพลตฟอร์มใหญ่จากจีน เนื่องจากเห็นว่าเป็นอันตรายต่ออธิปไตยของอินเดีย และอาจคุกคามความปลอดภัยของรัฐและความสงบเรียบร้อยของประชาชน ล่าสุดวันนี้หนังสือพิมพ์ Times of India รายงานว่า รัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ของอินเดียกำลังพิจารณาว่าบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Huawei และ ZTE ควรได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมการทดลองเทคโนโลยี 5G หรือไม่ แต่ยังไม่เปิดเผยถึงผลการพิจารณาดังกล่าว แต่นักวิเคราะห์คาดว่าเป็นผลมาจากเหตุปะทะกันที่บริเวณชายแดนในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งมีทหารอินเดียเสียชีวิต 20 นาย
- แอนโทนี เฟาซี ผู้อำนวยการสถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐฯ หัวหน้าคณะทำงานเฉพาะกิจด้านการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ออกแถลงการณ์ว่า ทางการสหรัฐฯ กำลังติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่พบในสุกรของจีน ซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกับไวรัส H1N1 ที่ระบาดเมื่อปี 2009 แต่ยังไม่มีแนวโน้มที่จะติดเชื้อในมนุษย์ ขณะเดียวกันก็แสดงความเป็นห่วงต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระบุว่า หากสหรัฐฯ ไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสได้ อาจทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันในสหรัฐฯ อาจแตะระดับ 100,000 รายได้
- กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์จีน แถลงว่า ความต้องการสินค้าจากจีนมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น หลังจากผ่อนคลายมาตรการปิดเมืองจากโควิด-19 ไปก่อนหน้านี้ สอดคล้องกับยอดการส่งออกของไทยไปยังประเทศจีนในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาที่ขยายตัวขึ้น 5% (YoY) แตะระดับ 12,221 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการได้สิทธิทางด้านภาษีภายใต้กรอบความร่วมมือ ACFTA ซึ่งมีผลบังคับใช้ปี 2548 โดยการส่งออกที่ฟื้นตัวดังกล่าวนั้นเป็นการขยายตัวของกลุ่มผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็งถึง 67% (YoY), ไก่สดแช่เย็นแช่แข็งขยายตัว 54% และกุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งขยายตัว 35%
ภาวะตลาดวานนี้
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาแข็งแกร่ง โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ประกอบกับแรงหนุนจากถ้อยแถลงของพาวเวลล์และมนูชินที่ให้คำมั่นว่าจะพยายามพยุงเศรษฐกิจสหรัฐฯ ให้ผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้ สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นยุโรปที่ปรับตัวขึ้นเช่นกันจากตัวเลขดัชนี CPI ของยูโรโซนที่เพิ่มขึ้นสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นอย่างต่อเนื่อง โดยหวังว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวเร็วๆ นี้
- สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงจากความกังวลที่ประเทศลิเบียจะกลับมาผลิตน้ำมันอาจส่งผลต่ออุปทานน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่อุปสงค์ยังคงเดิม ด้านสัญญาทองคำปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 9 ปี จากปัจจัยจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ทั่วโลก รวมไปถึงการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยเพื่อถัวเฉลี่ยจากความเสี่ยงดังกล่าว
สหรัฐฯ
- Dow Jones อยู่ที่ 25812.88 เพิ่มขึ้น 217.08 (0.85%)
- S&P 500 อยู่ที่ 3100.29 เพิ่มขึ้น 47.05 (1.54%)
- Nasdaq อยู่ที่ 10058.77 เพิ่มขึ้น 184.61 (1.87%)
ยุโรป
- DAX อยู่ที่ 12310.93 เพิ่มขึ้น 78.81 (0.64%)
- FTSE 100 อยู่ที่ 6169.74 ลดลง -56.03 (-0.9%)
- Euro Stoxx 50 อยู่ที่ 3234.07 เพิ่มขึ้น 2.05 (0.06%)
- FTSE MIB อยู่ที่ 19375.52 ลดลง -71.5 (-0.37%)
เอเชีย
- Nikkei 225 อยู่ที่ 22288.14 เพิ่มขึ้น 293.1 (1.33%)
- S&P/ASX 200 อยู่ที่ 5897.9 เพิ่มขึ้น 82.9 (1.43%)
- Shanghai อยู่ที่ 2984.67 เพิ่มขึ้น 23.16 (0.78%)
- SZSE Component อยู่ที่ 11992.35 เพิ่มขึ้น 239.99 (2.04%)
- China A50 อยู่ที่ 13961.87 เพิ่มขึ้น 108.24 (0.78%)
- Hang Seng อยู่ที่ 24427.19 เพิ่มขึ้น 125.91 (0.52%)
- Taiwan Weighted อยู่ที่ 11621.24 เพิ่มขึ้น 78.62 (0.68%)
- SET อยู่ที่ 1339.03 เพิ่มขึ้น 9.27 (0.7%)
- KOSPI อยู่ที่ 2108.33 เพิ่มขึ้น 14.85 (0.71%)
- IDX Composite อยู่ที่ 4905.39 เพิ่มขึ้น 3.57 (0.07%)
- BSE Sensex อยู่ที่ 34915.8 ลดลง -45.72 (-0.13%)
- PSEi Composite อยู่ที่ 6207.72 เพิ่มขึ้น 15.88 (0.26%)
Commodity
- ราคาน้ำมันดิบ WTI อยู่ที่ 39.6 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.05 (0.13%)
- ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ อยู่ที่ 41.63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง -0.24 (-0.57%)
- ราคาทองคำอยู่ที่ 1783.09 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 10.04 (0.57%)
อ้างอิง:
- Infoquest
- Bloomberg
- Investing
- CNBC
- Reuters