- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ รอดพ้นจากการถูกถอดถอนในวุฒิสภา โดย ส.ว. ลงมติ 52 ต่อ 48 ตัดสินให้ทรัมป์พ้นผิดจากข้อกล่าวหาใช้อำนาจโดยมิชอบ กรณีกดดันให้รัฐบาลยูเครนสอบสวนเอาผิด โจ ไบเดน คู่แข่งทางการเมืองของตนเอง และมติ 53 ต่อ 47 ให้พ้นข้อกล่าวหาขัดขวางการสอบสวนของสภาคองเกรส
- ECB ยังสงวนท่าทีดำเนินนโยบายผ่อนคลายเพิ่มเติม กรณีผลกระทบจากโคโรนา คริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) เผยความเห็นว่า ECB กำลังอยู่ในระหว่างสังเกตการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาที่ถือเป็นภัยคุกคามใหม่ต่อเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้โรงงานอุตสาหกรรมหลายแห่งต้องหยุดการผลิต อีกทั้งสายการบินต่างๆ ก็จำเป็นต้องยกเลิกเที่ยวบินเป็นจำนวนมาก ดังนั้น ECB จำเป็นต้องติดตามพัฒนาการของปัญหาดังกล่าวอย่างใกล้ชิดว่าจะส่งผลกระทบต่อมุมมองทางเศรษฐกิจในอนาคตของธนาคารกลางอย่างไร
- WHO ยันยังไม่มียาต้านไวรัสโคโรนา โดยก่อนหน้านี้สื่อจีนรายงานว่ามหาวิทยาลัยเจ้อเจียงได้ประกาศความสำเร็จครั้งใหญ่ในการคิดค้นยาต้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ และสื่ออังกฤษ (Sky News) รายงานว่า อิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน ประสบความสำเร็จในการคิดค้นวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนาแล้วเช่นกัน อย่างไรก็ตาม WHO ยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีการรักษาใดๆ ที่มีประสิทธิภาพที่เป็นที่รู้กันในการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา และ WHO กำลังทำการวิจัยต้นแบบการทดลองทางการแพทย์ทั่วโลก
- สหรัฐฯ เผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเบื้องต้นจากสถาบัน ADP ก่อนประกาศอย่างเป็นทางการในคืนวันศุกร์นี้ โดยตัวเลขประจำเดือนมกราคมมีการจ้างงานเพิ่มถึง 291,000 ตำแหน่ง ขณะที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 156,000 ตำแหน่ง
- จีนประกาศตัวเลข PMI ภาคบริการประจำเดือนมกราคม ชะลอตัวเหลือ 51.8 ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 52.6 และเดือนก่อนหน้าที่ 52.5 ส่วนยุโรปประกาศตัวเลข PMI ภาคบริการประจำเดือนมกราคม ขยายตัวมากกว่าคาด 52.5 โดยนักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 52.2 แต่ชะลอตัวจากเดือนก่อนเล็กน้อยที่ 52.8 สหรัฐฯ ประกาศตัวเลข PMI ภาคบริการประจำเดือนมกราคม ขยายตัวมากกว่าคาด 53.3 จากที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 53.1 และเดือนก่อนหน้าที่ 52.7
สรุปภาพรวมตลาดวานนี้
- ดัชนี Dow Jones ปรับตัวพุ่งขึ้นติดต่อกัน 3 วันติด ขณะที่ S&P 500 และ Nasdaq ทำ New High รับข่าวทรัมป์รอดจากการถูกถอดถอน และตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ออกมาแข็งแกร่งทั้งในเรื่องการจ้างงานภาคเอกชนที่ยังดีอยู่ รวมไปถึงดัชนีภาคบริการของสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นยุโรปที่ปรับตัวขึ้นเช่นกันจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดที่ออกมาแข็งแกร่ง รวมไปถึงการอ้างอิงจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้รายหนึ่งกล่าวว่านักวิจัยของจีนและอังกฤษค้นพบวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนาได้ สร้างแรงหนุนให้กับหุ้นกลุ่มรถยนต์และกลุ่มเทคโนโลยี จากที่ก่อนหน้านี้ปรับตัวลงมาแรงจากความกังวลเรื่องไวรัสโคโรนา
- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นจากการที่ตลาดคลายความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา หลังมีรายงานว่านักวิจัยของอังกฤษและจีนค้นพบวัคซีนป้องกันได้แล้ว รวมไปถึงสต๊อกน้ำมันเบนซินและน้ำมันกลั่นของสหรัฐฯ ที่ลดลง ซึ่งเป็นผลดีที่ทำให้มีความต้องการใช้น้ำมันอยู่ ด้านราคาทองคำปรับตัวขึ้นจากแรงซื้อของนักลงทุน จากที่ก่อนหน้านี้ตลาดทองคำปรับตัวลงแรง อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังคงจับตาดูสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาต่อไป
สหรัฐฯ
- Dow 30 ปิดที่ 29,290.85 เพิ่มขึ้น 483.22 (+1.68%)
- S&P 500 ปิดที่ 3,334.69 เพิ่มขึ้น 37.1 (+1.13%)
- Nasdaq ปิดที่ 9,508.68 เพิ่มขึ้น 40.71 (+0.43%)
ยุโรป
- DAX ปิดที่ 13,478.33 เพิ่มขึ้น 196.59 (+1.48%)
- FTSE 100 ปิดที่ 7,482.48 เพิ่มขึ้น 42.66 (+0.57%)
- Euro Stoxx 50 ปิดที่ 3,777.84 เพิ่มขึ้น 45.56 (+1.22%)
- FTSE MIB ปิดที่ 24,236.63 เพิ่มขึ้น 391.78 (+1.64%)
เอเชีย
- Nikkei 225 ปิดที่ 23,319.56 เพิ่มขึ้น 234.97 (+1.02%)
- S&P/ASX 200 ปิดที่ 6,976.1 เพิ่มขึ้น 27.4 (+0.39%)
- Shanghai ปิดที่ 2,818.09 เพิ่มขึ้น 34.8 (+1.25%)
- SZSE Component ปิดที่ 10,305.5 เพิ่มขึ้น 215.83 (+2.14%)
- China A50 ปิดที่ 13,301.97 เพิ่มขึ้น 114.92 (+0.87%)
- Hang Seng ปิดที่ 26,786.74 เพิ่มขึ้น 110.76 (+0.42%)
- Taiwan Weighted ปิดที่ 11,573.62 เพิ่มขึ้น 17.7 (+0.15%)
- SET ปิดที่ 1,534.14 เพิ่มขึ้น 14.76 (+0.97%)
- KOSPI ปิดที่ 2,165.63 เพิ่มขึ้น 7.73 (+0.36%)
- IDX Composite ปิดที่ 5,978.51 เพิ่มขึ้น 56.17 (+0.95%)
- BSE Sensex ปิดที่ 41,142.66 เพิ่มขึ้น 353.28 (+0.87%)
- PSEi Composite ปิดที่ 7,352.85 เพิ่มขึ้น 125.95 (+1.74%)
Commodity
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดที่ 50.23 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.32 (+0.64%)
- ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ปิดที่ 54.63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.42 (+0.77%)
- ราคาทองคำปิดที่ 1,554.45 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลดลง 28.8 (-1.82%)
อ้างอิง:
- Infoquest
- Bloomberg
- Investing
- CNBC
- Reuters
- กรุงเทพธุรกิจ
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์