- Facebook, Apple, Amazon และ Alphabet หุ้นร่วงหนัก มูลค่าตลาดหายไปกว่า 137,000 ล้านเหรียญสหรัฐ จากความเป็นไปได้ที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เตรียมสอบสวนเกี่ยวกับการผูกขาดทางธุรกิจ โดยมีเป้าหมายเพื่อสอบสวนว่าสถานะในตลาดของ Google กำลังขัดขวางการแข่งขันที่เป็นธรรมหรือไม่ หลังจากที่ก่อนหน้ากฎหมายฉบับเดียวกันนี้เคยถูกบังคับใช้กับบริษัท สแตนดาร์ดออยล์ จำกัด บริษัทน้ำมันรายใหญ่ ส่งผลให้ถูกบังคับแยกบริษัทเป็น 33 บริษัทย่อยมาแล้ว
- ทางการจีนออกประกาศเตือนนักศึกษาที่ได้รับทุนให้พิจารณาถึงความเสี่ยงในการไปศึกษาต่อยังสหรัฐฯ หลังสงครามการค้าทวีความรุนแรงขึ้น ส่งเสริมบรรยากาศความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีนขึ้นอีกทาง หลังจากที่ก่อนหน้านี้กระแสชาตินิยมในประเทศจีนก่อตัวขึ้นจากกรณีสงครามการค้าที่ยืดเยื้อ
- โดนัลด์ ทรัมป์ เดินทางสู่สหราชอาณาจักร เข้าพบสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เพื่อเจรจาข้อตกลงการค้าระหว่างกัน หลังสหราชอาณาจักรมีความพยายามแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป ซึ่งมีกำหนดการในเดือนตุลาคมนี้
- อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลทั่วโลกปรับตัวลงต่อเนื่อง โดยล่าสุดอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ปรับตัวลงสู่ระดับ 2.075 ต่ำที่สุดในรอบ 2 ปีครึ่ง ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลเยอรมนีอายุ 10 ปี ปรับตัวลงสู่ระดับ -0.203 ต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ สะท้อนความกังวลเศรษฐกิจชะลอตัว หลังสงครามการค้ายืดเยื้อและทวีความรุนแรงขึ้น กดดันสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก
- สหรัฐฯ และเม็กซิโกเดินหน้าเจรจาปัญหาผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมาย โดยทางการสหรัฐฯ คาดหวังให้เม็กซิโกเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ในการหยุดผู้อพยพอย่างผิดกฎหมาย และเพิ่มความเข้มงวดในการคัดกรองผู้อพยพ โดยเฉพาะในบริเวณชายแดนที่เป็นป่าและติดกับกัวเตมาลา รวมถึงเพิ่มระยะเวลาให้ผู้ที่ต้องการผ่านเข้าสู่สหรัฐฯ อยู่ในเม็กซิโกนานขึ้น หลังสหรัฐฯ เตรียมเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากเม็กซิโกสูงสุด 25% หากปัญหาดังกล่าวไม่ถูกแก้ไข
สภาวะตลาดวานนี้
- ซาอุดีอาระเบียส่งสัญญาณกลุ่มประเทศ OPEC และรัสเซีย พร้อมขยายเวลาลดกำลังการผลิตในช่วงครึ่งปีหลังเพื่อสร้างเสถียรภาพด้านราคาน้ำมัน ประเด็นดังกล่าวคาดว่าจะส่งผลที่ดีต่อราคาน้ำมันนับจากนี้ จนกว่าจะถึงช่วงการประชุมกลุ่มสุดยอดกลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน OPEC ในวันที่ 25 มิถุนายน แต่ถึงกระนั้นมุมมองต่อเศรษฐกิจชะลอตัวยังเป็นปัจจัยหลักที่ฉุดราคาน้ำมันลงจาก 66 เหรียญสหรัฐสู่ระดับ 53 เหรียญสหรัฐ
- ผลกระทบจากการขยายความรุงแรงด้านสงครามการค้าทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ยังคงปรับตัวลงต่อเนื่อง และสกุลเงินเหรียญสหรัฐที่ปรับตัวอ่อนค่า บ่งชี้ถึงความคาดหวังของตลาดต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ซึ่ง Fed Fund Futures เริ่มในน้ำหนักต่อการคงอัตราดอกเบี้ย 2.25-2.50 ในเดือนมิถุนายนลงมาที่ 72.5% จากที่เคยให้น้ำหนักมากกว่า 90% และให้น้ำหนักถึงแนวโน้มลดอัตราดอกเบี้ยมาที่ 2.00-2.25 ในเดือนกรกฎาคมและเดือนกันยายนที่ 48.9% และ 41.4% ตามลำดับ
- จีนประกาศตัวเลข PMI ภาคการผลิตจากสถาบัน Caixin เดือนพฤษภาคม 50.2 ดีกว่าคาดที่ระดับ 50.0 และปรับตัวคงที่เมื่อเทียบเดือนเมษายนที่ 50.2
- อินเดียประกาศตัวเลข Nikkei PMI ภาคการผลิตจากสถาบัน Markit เดือนพฤษภาคม 52.7 ดีกว่าคาดที่ระดับ 51.3 และขยายตัวเมื่อเทียบเดือนเมษายนที่ 51.8
- ญี่ปุ่นประกาศตัวเลข PMI ภาคการผลิตเดือนพฤษภาคม 49.8 ดีกว่าคาดที่ระดับ 49.6 และหดตัวเมื่อเทียบเดือนเมษายนที่ 51.8
หุ้นอเมริกา
- DOW30 ปิดที่ 24,819.78 จุด เพิ่มขึ้น 4.74 (+0.02%)
- S&P 500 ปิดที่ 2,744.45 จุด ลดลง 7.61 (-0.28%)
- NAQDAQ ปิดที่ 7,333.02 จุด ลดลง 120.13 (-1.61%)
หุ้นยุโรป
- STOXX600 ปิดที่ 372.08 จุด เพิ่มขึ้น 1.56 (+0.42%)
- DAX ปิดที่ 11,792.81 จุด เพิ่มขึ้น 65.97 (+0.56%)
- FTSE MIB ปิดที่ 19,874.24 จุด เพิ่มขึ้น 72.13 (+0.36%)
- FTSE100 ปิดที่ 7,184.80 จุด เพิ่มขึ้น 23.09 (+0.32%)
หุ้นเอเชีย
- S&P/ASX 200 ปิดที่ที่ 6,320.50 จุด ลดลง 76.40 (-1.19%)
- KOSPI ปิดที่ 2,067.85 จุด เพิ่มขึ้น 26.11 (+1.28%)
- Shanghai ปิดที่ 2,890.08 จุด ลดลง 8.62 (-0.30%)
- Hang Seng ปิดที่ 26,893.86 จุด ลดลง 7.23 (-0.03%)
- BSE Sensex ปิดที่ 40,267.62 จุด เพิ่มขึ้น 553.42 (+1.39%)
- Nikkei ปิดที่ 20,410.88 ลดลง 190.31 (-0.92%)
- *SET หยุดทำการ*
Commodities
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนกรกฎาคม ลดลง 25 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 53.25 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 71 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 61.28 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
- สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนสิงหาคม พุ่งขึ้น 16.80 เหรียญสหรัฐ หรือ 1.28% ปิดที่ 1,327.90 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์
ติดตามข่าวสารการลงทุนเพิ่มเติมได้ที่ finno.me/dailyupdate
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: Infoquest, Bloomberg, Investing