- หลังจากที่ บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ประกาศมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกสองในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ล่าสุดวันเสาร์ที่ 26 กันยายนได้เกิดการชุมนุมประท้วงของประชาชนหลายพันคนบริเวณลานจัตุรัสทราฟัลการ์ กลางกรุงลอนดอน เพื่อต่อต้านและตั้งคำถามถึงประโยชน์ของมาตรการดังกล่าว ส่งผลให้เกิดการปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ที่พยายามสลายการชุมนุม เนื่องจากผู้ชุมนุมไม่ได้ปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมและไม่สวมหน้ากากอนามัย ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ 9 นายได้รับบาดเจ็บ และประชาชน 16 คนถูกจับกุมตัว
- วันเสาร์ที่ผ่านมา แนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ CNN ระบุว่าเธอเชื่อว่าจะเกิดความร่วมมือระหว่างสองพรรคเพื่อให้มาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 สามารถบรรลุได้ โดยในช่วงที่ผ่านมาอยู่ในระหว่างการหามาตรการที่มีความเหมาะสมทั้งในแง่ของขนาดและระยะเวลาเท่านั้น แต่ทั้งสองฝ่ายต่างเห็นพ้องกันว่าจะต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
- คาร์ล นิโชล ผู้พิพากษาศาลเขตวอชิงตัน ให้สัมภาษณ์ระบุว่ากำลังจะออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวแก่ ByteDance, Apple และ Google ต่อ Executive Order ของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งห้ามไม่ให้ชาวอเมริกันดาวน์โหลด TikTok แอปพลิเคชันโซเชียลมีเดียชื่อดังของจีน ซึ่งส่งผลให้ Apple และ Google จะต้องนำแอปฯ ดังกล่าวออกจากแอปสโตร์ของตน โดยผู้พิพากษามองว่ามีความเป็นไปได้ว่าคำสั่งของทรัมป์มีความเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำลังจะมาถึง อีกทั้งยังเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลที่จะแบนแอปฯ ดังกล่าว ทั้งๆ ที่กำลังมีการเจรจาร่วมมือและเปลี่ยนถ่ายบริษัทบางส่วนเป็นสัญชาติสหรัฐฯ ในเวลานี้ โดยสำนักข่าว Reuters คาดว่าแถลงการณ์อย่างเป็นทางการของศาลจะเผยแพร่ในวันจันทร์นี้
- สกอตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย กล่าวระหว่างการประชุมสมัชชาสหประชาชาติแบบออนไลน์ ระบุว่าการแบ่งปันข้อมูลด้านวัคซีนโควิด-19 เป็นเรื่องที่จำเป็น เพราะเป็นความรับผิดชอบด้านศีลธรรมระดับโลก พร้อมให้คำมั่นว่าหากออสเตรเลียสามารถพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 ได้สำเร็จก็จะแบ่งปันข้อมูลอย่างแน่นอน เนื่องจากสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบในวงกว้างและเกี่ยวพันกับชีวิตของคนนับสิบล้านคนทั่วโลก
- อนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ให้สัมภาษณ์ระบุว่าธนาคารแห่งประเทศไทยควรที่จะใช้มาตรการ Yield Curve Control ควบคู่ไปกับการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงสู่ระดับ 0% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หลังจากมีข้อจำกัดทางการคลังเพิ่มเติมขึ้นมาก โดยมองว่าควรที่จะกำหนดเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยของพันธบัตรรัฐบาลระยะกลางอายุ 3-4 ปี ที่ 0.75-1.25% และอายุ 7-10 ปี ไม่เกิน 2-2.50% ส่วนอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรอายุ 1-2 ปี ควรปรับลงมาไม่ให้เกิน 0.50% เพื่อให้ต้นทุนทางการเงินของสินเชื่อระยะ 3-10 ปีลดต่ำลง ซึ่งจะเป็นการช่วยกระตุ้นการบริโภคและการลงทุนให้ฟื้นตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
สรุปภาวะตลาดวานนี้
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นแม้ตัวเลขเศรษฐกิจจะอ่อนแอก็ตาม แต่ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังที่จะบรรลุข้อตกลงมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจก่อนการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ สวนทางกันกับตลาดหุ้นยุโรปที่ปรับตัวลงจากมาตรการล็อกดาวน์รอบสองในโซนยุโรปที่ส่งผลต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนจนต้องเทขายหุ้นที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยงออกมา
- สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงจากความกังวลที่เศรษฐกิจทั่วโลกอาจฟื้นตัวได้ช้า ซึ่งส่งผลต่อปริมาณความต้องการน้ำมันโดยตรง และอาจทำให้เกิดภาวะน้ำมันล้นตลาดได้อีกครั้ง ด้านสัญญาทองคำปรับตัวลงจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ รวมทั้งความคาดหวังมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจในสหรัฐฯ ส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยจากปัจจัยดังกล่าว
สหรัฐฯ
- Dow Jones อยู่ที่ 27,173.96 เพิ่มขึ้น 358.52 (+1.34%)
- S&P 500 อยู่ที่ 3,298.46 เพิ่มขึ้น 51.87 (+1.6%)
- Nasdaq อยู่ที่ 10,913.56 เพิ่มขึ้น 241.3 (+2.26%)
ยุโรป
- DAX อยู่ที่ 12,469.2 ลดลง 137.37 (-1.09%)
- FTSE 100 อยู่ที่ 5,842.67 เพิ่มขึ้น 19.89 (+0.34%)
- Euro Stoxx 50 อยู่ที่ 3,137.06 ลดลง 22.58 (-0.71%)
- FTSE MIB อยู่ที่ 18,698.36 ลดลง 208.47 (-1.1%)
เอเชีย
- Nikkei 225 อยู่ที่ 23,204.62 เพิ่มขึ้น 116.8 (+0.51%)
- S&P/ASX 200 อยู่ที่ 5,964.9 เพิ่มขึ้น 89 (+1.51%)
- Shanghai อยู่ที่ 3,219.42 ลดลง 3.76 (-0.12%)
- SZSE Component อยู่ที่ 12,814.17 ลดลง 2.43 (-0.02%)
- China A50 อยู่ที่ 15,126.81 เพิ่มขึ้น 22.76 (+0.15%)
- Hang Seng อยู่ที่ 23,235.42 ลดลง 75.65 (-0.32%)
- Taiwan Weighted อยู่ที่ 12,232.91 ลดลง 31.47 (-0.26%)
- SET อยู่ที่ 1,244.94 ลดลง 2.52 (-0.2%)
- KOSPI อยู่ที่ 2,278.79 เพิ่มขึ้น 6.09 (+0.27%)
- IDX Composite อยู่ที่ 4,945.79 เพิ่มขึ้น 103.03 (+2.13%)
- BSE Sensex อยู่ที่ 37,388.66 เพิ่มขึ้น 835.06 (+2.28%)
- PSEi Composite อยู่ที่ 5,838.66 ลดลง 7.14 (-0.12%)
Commodity
- ราคาน้ำมันดิบ WTI อยู่ที่ 40.25 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 0.06 (-15%)
- ราคาน้ำมันดิบเบรนท์อยู่ที่ 41.92 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 0.02 (-5%)
- ราคาทองคำ อยู่ที่ 1,860.05 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลดลง 7.99 (-43%)
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:
- Infoquest
- Bloomberg
- Investing
- CNBC
- Reuters