- ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ -0.10% และคงเป้าหมายการเข้าซื้อ ETF รายปีไว้ที่ 12 ล้านล้านเยน แต่เสริมสภาพคล่องเพิ่มเติมผ่านทางการยกเลิกเพดานการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลรายปีในวงเงิน 80 ล้านล้านเยน พร้อมทั้งเพิ่มเติมการถือครองพันธบัตรรัฐบาล เพิ่มเป้าหมายในการเข้าซื้อหุ้นกู้และตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะสั้น จากเดิมที่ 7.4 ล้านล้านเยนต่อปี สู่ระดับ 20 ล้านล้านเยนต่อปี ไปจนถึงเดือนกันยายน ปี 2020 และยังสนับสนุนเงินกู้ให้กับสถาบันการเงินด้วยการขยายหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้เป็น 23 ล้านล้านเยน จากเดิมที่ระดับ 8 ล้านล้านเยน เพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาดการเงินประเทศญี่ปุ่น และกระตุ้นให้เศรษฐกิจฟื้นตัวจากผลกระทบของโควิด-19
- สหรัฐฯ เตรียมเลื่อนเปิดเผยรายงานประเมินประเทศที่เข้าข่ายปั่นค่าเงินเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการค้าโดยไม่มีกำหนด สืบเนื่องจากผลกระทบของโควิด-19 จากเดิมที่มักเปิดเผยในช่วงเดือนเมษายนและตุลาคมของทุกปี โดยรายงานดังกล่าวมีเกณฑ์ตัดสิน 3 ข้อหลักคือ ประเทศที่มียอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ มากกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา และมีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดมากกว่า 2% ของ GDP รวมถึงธนาคารกลางที่เข้าแทรกแซงค่าเงินเกินกว่า 6 เดือนในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา และเข้าซื้อดอลลาร์เกินกว่า 2% ของ GDP
- Allied Irish Banks เข้าร่วมโครงการเงินกู้พิเศษช่วยเหลือธุรกิจจากโควิด-19 (CBILS) ของรัฐบาล ซึ่งเป็นโครงการที่ให้ธุรกิจขนาดเล็กกู้ยืมเงินได้สูงสุด 5 ล้านปอนด์ ผู้ปล่อยกู้จะได้รับการการันตีเงินกู้จากรัฐถึง 80% โดยมีระยะเวลาผ่อนคืนสูงสุดที่ 6 ปี และไม่คิดดอกเบี้ยในปีแรก ซึ่งโครงการดังกล่าวเริ่มต้นตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เพื่อรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 หลังจากที่ 3 ธนาคารใหญ่อย่าง Danske Bank, Ulster Bank และ Bank of Ireland เข้าร่วมโครงการไปแล้วก่อนหน้า
- เควิน ฮาสเซตต์ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจของโดนัลด์ ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าว CNBC ว่า GDP ไตรมาส 2 ของปี 2020 อาจหดตัว 20-30% พร้อมคาดการณ์ว่าอัตราการว่างงานในเดือนเมษายนของสหรัฐฯ อาจพุ่งสูงถึงราวๆ 16% และเตือนว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจอยู่ในจุดที่เลวร้ายที่สุดที่เคยมีมาหลังการถดถอยครั้งใหญ่ (Great Depression) สืบเนื่องจากวิกฤตโควิด-19
- จับตาตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ โดยวันนี้สหรัฐฯ มีกำหนดประกาศดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (CB Consumer Confidence) ประจำเดือนเมษายน ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ 87.9 จุด ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 จากเดือนก่อนหน้าที่ 120.0 จุด และทำจุดต่ำสุดในรอบเกือบ 6 ปี นับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2014 สืบเนื่องจากภาวะการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งสร้างความไม่แน่นอนด้านรายได้ครั้งใหญ่นับตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (Great Depression)
สรุปภาพรวมตลาดวานนี้
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นหลังมีแผนเปิดเศรษฐกิจอีกครั้งภายในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน ส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยงโดยคาดหวังว่าเศรษฐกิจจะฟื้นฟูในเร็วๆ นี้ สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นยุโรปที่ปรับตัวขึ้นเช่นกัน หลังผลประกอบการของ Deutsche Bank ออกมาดีกว่าคาด ส่งผลให้หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นหนุนตลาดให้ปิดบวกได้ อาทิ หุ้น Deutsche Bank พุ่ง 12.7% และหุ้น BNP Paribas พุ่ง 5.67% เป็นต้น
- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวร่วงแรงจากอุปสงค์น้ำมันที่ลดลง รวมไปถึงข้อมูลคลังน้ำมันสหรัฐฯ ที่เริ่มจะเต็มแล้ว แสดงถึงภาวะน้ำมันเริ่มล้นตลาด ด้านราคาทองคำปรับตัวลง หลังนักลงทุนเริ่มคาดหวังให้เศรษฐกิจฟื้นฟูจากการเริ่มปลดล็อกดาวน์ในเดือนหน้า ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มเทขายทองคำที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยออกมา
สหรัฐฯ
- Dow 30 อยู่ที่ 24,133.78 เพิ่มขึ้น 358.51 (+1.51%)
- S&P 500 อยู่ที่ 2,878.48 เพิ่มขึ้น 41.74 (+1.47%)
- Nasdaq อยู่ที่ 8,730.16 เพิ่มขึ้น 95.64 (+1.11%)
ยุโรป
- DAX อยู่ที่ 10,659.99 เพิ่มขึ้น 323.9 (+3.13%)
- FTSE 100 อยู่ที่ 5,846.79 เพิ่มขึ้น 94.56 (+1.64%)
- Euro Stoxx 50 อยู่ที่ 2,882.11 เพิ่มขึ้น 73.04 (+2.6%)
- FTSE MIB อยู่ที่ 17,380.21 เพิ่มขึ้น 521.32 (+3.09%)
เอเชีย
- Nikkei 225 อยู่ที่ 19,783.22 เพิ่มขึ้น 521.22 (+2.71%)
- S&P/ASX 200 อยู่ที่ 5,321.4 เพิ่มขึ้น 78.8 (+1.5%)
- Shanghai อยู่ที่ 2,815.49 เพิ่มขึ้น 6.97 (+0.25%)
- SZSE Component อยู่ที่ 10,452.17 เพิ่มขึ้น 28.71 (+0.28%)
- China A50 อยู่ที่ 13,155.19 เพิ่มขึ้น 148.14 (+1.14%)
- Hang Seng อยู่ที่ 24,280.14 เพิ่มขึ้น 448.81 (+1.88%)
- Taiwan Weighted อยู่ที่ 10,567.27 เพิ่มขึ้น 219.91 (+2.13%)
- SET อยู่ที่ 1,267.41 เพิ่มขึ้น 8.63 +0.69%)
- KOSPI อยู่ที่ 1,922.77 เพิ่มขึ้น 33.76 (+1.79%)
- IDX Composite อยู่ที่ 4,513.14 เพิ่มขึ้น 17.08 (+0.38%)
- BSE Sensex อยู่ที่ 31,743.08 เพิ่มขึ้น 415.86 (+1.33%)
- PSEi Composite อยู่ที่ 5,450.45 ลดลง 14.53 (-0.27%)
Commodity
- ราคาน้ำมันดิบ WTI อยู่ที่ 12.25 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 4.69 (-27.69%)
- ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ อยู่ที่ 23.02 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 158 (+7.37%)
- ราคาทองคำ อยู่ที่ 1709.84 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลดลง 19.59 (-1.13%)
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:
- Infoquest
- Bloomberg
- Investing
- CNBC
- Reuters