– กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์นี้มากถึง 3.3 ล้านคน ขณะที่ในสัปดาห์ก่อนมีเพียงแค่ 282,000 คน ซึ่งรัฐที่มีคนขอรับสวัสดิการมากที่สุดคือ เพนซิลเวเนีย มากถึง 379,000 คน ขณะที่นิวยอร์กอยู่ที่ 80,000 คน วอชิงตัน 133,000 คน และแคลิฟอร์เนีย 187,000 คน นับเป็นการขอรับสวัสดิการว่างงานที่มากที่สุดตั้งแต่มีการเก็บข้อมูลมาตลอด 50 ปี ทำให้เกิดความกังวลว่า สหรัฐฯ กำลังจะเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจ
– เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มองว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะหดตัวลงรุนแรงในช่วงไตรมาสที่ 2 และอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย (Recession) แต่เชื่อว่า เศรษฐกิจจะกลับมาเร่งตัวหลังเริ่มควบคุมการระบาดของโควิด-19 ได้ พร้อมเน้นย้ำถึงการรักษาสภาพคล่องในระบบที่ Fed ได้ทำอยู่ ซึ่งยังมีมาตรการอีกมากที่เพียงพอสำหรับรับมือ
– จำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นแตะ 85,000 ราย แซงหน้าจีนที่มีผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้จำนวน 81,782 ราย และอิตาลี 80,589 ราย ส่วนยอดผู้เสียชีวิตในสหรัฐฯ มีจำนวนกว่า 1,100 ราย อย่างไรก็ตาม อิตาลียังถือว่าเป็นประเทศที่มีการเสียชีวิตมากสุดที่ 8,200 ราย
– ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) ตัดสินใจในวันนี้ที่จะอัดฉีดสภาพคล่องให้กับสถาบันการเงินในวงเงินไม่จำกัดตลอดช่วง 3 เดือนข้างหน้า เพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ผ่านทางการทำธุรกรรมข้อตกลงซื้อคืนพันธบัตร หรือ Repo
– รัฐบาลไทยเตรียมอุ้มการบินไทย หลังสภาพคล่องไม่เพียงพอ ประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงคลัง เผย กระทรวงการคลังและกระทรวงคมนาคมเห็นปัญหาที่เกิดกับการบินไทยในช่วงที่ผ่านมา ขณะนี้ทั้งสองกระทรวงกำลังเร่งหาทางแก้ไขปัญหา คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 2 เดือน เบื้องต้นอาจใช้วิธีเพิ่มทุนหรือกู้เงิน แต่ต้องดูสถานการณ์โควิด-19 ว่าจะยืดเยื้อไปถึงเมื่อใด ก่อนหน้านี้ ครม. ออกมาตรการช่วยเหลือสายการบินตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ 4 ด้าน มีผลวันที่ 1 เมษายน ถึง 31 ธันวาคม 2563 ทั้งการปรับลดค่าบริการขึ้น-ลง 50% ของอากาศยาน, ปรับลดค่าบริการเดินอากาศ 20-50%, ปรับลด Regulatory Fee 33% และขยายการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิต สำหรับน้ำมันเครื่องบินไอพ่น
สรุปภาพรวมตลาดวานนี้
– ตลาดหุ้นทั่วโลกตอบรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังวุฒิสภาสหรัฐฯ ผ่านร่างงบประมาณ 2 ล้านล้านดอลลาร์ วานนี้ เพื่อพยุงเศรษฐกิจจากผลกระทบโควิด-19 ด้านทิศทางเงินทุนเริ่มเห็นสัญญาณไหลกลับเข้าตลาดหุ้นทั่วโลก หลังดัชนีดอลลาร์ (Dollar Index) ปรับตัวลงจากจุดสูงสุดอย่างต่อเนื่องที่ระดับ 102 จุด วานนี้ หลุดระดับ 100 จุด สู่ระดับ 99.23 จุด อย่างไรก็ตามแนวโน้มอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) ยังอยู่ในระดับต่ำ บ่งชี้ถึงความกังวลของนักลงทุนต่อภาวะเศรษฐกิจในระยะต่อไป
สหรัฐฯ
– Dow 30 อยู่ที่ 22552.17 เพิ่มขึ้น 1351.62 (6.38%)
– S&P 500 อยู่ที่ 2630.07 เพิ่มขึ้น 154.51 (6.24%)
– Nasdaq อยู่ที่ 7797.54 เพิ่มขึ้น 413.24 (5.6%)
ยุโรป
– DAX อยู่ที่ 10000.96 เพิ่มขึ้น 126.7 (1.28%)
– FTSE 100 อยู่ที่ 5815.73 เพิ่มขึ้น 127.53 (2.24%)
– Euro Stoxx 50 อยู่ที่ 2847.78 เพิ่มขึ้น 47.64 (1.7%)
– FTSE MIB อยู่ที่ 17369.38 เพิ่มขึ้น 125.7 (0.73%)
เอเชีย
– Nikkei 225 อยู่ที่ 18871.5 เพิ่มขึ้น 206.9 (1.11%)
– S&P/ASX 200 อยู่ที่ 4978 ลดลง -135.3 (-2.65%)
– Shanghai อยู่ที่ 2779.48 เพิ่มขึ้น 14.57 (0.53%)
– SZSE Component อยู่ที่ 10240.14 เพิ่มขึ้น 84.78 (0.83%)
– China A50 อยู่ที่ 12697.07 เพิ่มขึ้น 88.84 (0.7%)
– Hang Seng อยู่ที่ 23470.5 เพิ่มขึ้น 118.16 (0.51%)
– Taiwan Weighted อยู่ที่ 9816.34 เพิ่มขึ้น 79.98 (0.82%)
– SET อยู่ที่ 1091.96 เพิ่มขึ้น 11.93 (1.1%)
– KOSPI อยู่ที่ 1698.69 เพิ่มขึ้น 12.45 (0.74%)
– IDX Composite อยู่ที่ 4549.45 เพิ่มขึ้น 210.54 (4.85%)
– BSE Sensex อยู่ที่ 29946.77 เพิ่มขึ้น 1410.99 (4.94%)
– PSEi Composite อยู่ที่ 5569.43 เพิ่มขึ้น 167.85 (3.11%)
Commodity
– ราคาน้ำมันดิบ WTI อยู่ที่ 22.86 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.26 (1.15%)
– ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ อยู่ที่ 26.46 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.12 (0.46%)
– ราคาทองคำอยู่ที่ 1639.9 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลดลง -11.3 (-0.68%)
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง:
- Infoquest
- Bloomberg
- Investing
- CNBC
- Reuters