- จับตาตัวเลขเศรษฐกิจ โดยวันนี้สหรัฐฯ มีกำหนดประกาศตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานครั้งแรกประจำสัปดาห์ ซึ่งคาดว่าจะลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 12 เหลือ 1.3 ล้านคน หลังแนวโน้มการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐฯ ชะลอตัวลง ส่งผลให้หลายรัฐสามารถผ่อนคลายมาตรการปิดเมือง และธุรกิจต่างๆ เริ่มกลับมาดำเนินการอีกครั้ง ขณะที่อังกฤษมีกำหนดการประชุมของธนาคารกลาง ซึ่งคาดว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 0.10% ต่อไป อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังคงจับตาท่าทีนโยบายการเงินต่อๆ ไป ผ่านแถลงการณ์หลังการประชุมอีกครั้ง
- วานนี้ HSBC ธนาคารที่มีสินทรัพย์สูงที่สุดในยุโรป ส่งจดหมายแจ้งพนักงานถึงแผนการปลดพนักงานครั้งใหญ่กว่า 35,000 คน คิดเป็นเกือบ 15% ของพนักงานทั้งหมด รวมไปถึงปิดการรับสมัครพนักงานทั้งหมดในต่างประเทศ สืบเนื่องจากวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งส่งผลให้กำไรของธนาคารมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ HSBC มีแผนการที่จะปลดพนักงานในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แต่ชะลอไว้เนื่องจากประเมินว่าสถานการณ์โควิด-19 จะคลี่คลายอย่างรวดเร็ว
- สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนแถลงในการประชุมสุดยอดจีน-แอฟริกานัดพิเศษว่า หากจีนประสบความสำเร็จในการพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 และสามารถใช้ได้อย่างแพร่หลาย แอฟริกาจะเป็นกลุ่มประเทศแรกที่ได้รับประโยชน์ร่วมด้วย พร้อมทั้งระบุว่าองค์กรและสถาบันการเงินระหว่างประเทศควรจะพิจารณาพักหนี้ให้กับแอฟริกา หลังจีนยกหนี้ของประเทศในแอฟริกาที่ได้กู้เงินปลอดดอกเบี้ยซึ่งมีกำหนดชำระคืนภายในสิ้นปีนี้ ภายใต้กรอบความร่วมมือเดิม
- สถาบันชี้วัดและประเมินสุขภาพ (IHME) สหรัฐฯ เปิดเผยรายงานว่า สหรัฐฯ อาจมีผู้เสียชีวิตจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 สูงสุด 201,129 ราย ภายในวันที่ 1 ตุลาคม 2020 โดยจำนวนผู้เสียชีวิตรายวันจะเร่งตัวขึ้นอีกครั้งในช่วงเดือนมิถุนายนและกันยายน ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวจะส่งผลให้โรงพยาบาลจำนวนมากมีความต้องการเตียงและเครื่องช่วยหายใจเพิ่มขึ้นในช่วงเดือนกันยายน และจากแบบจำลองดังกล่าวอาจตรงกับความกังวลในปัจจุบันเรื่องการแพร่ระบาดระลอกที่ 2 ด้วย
- สมาคมนายธนาคารเพื่อการจำนอง (MBA) ของสหรัฐฯ เปิดเผยรายงานว่าอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง ประกอบกับการผ่อนคลายมาตรการปิดเมืองที่ส่งผลให้ธุรกิจกลับมาดำเนินการได้อีกครั้ง ทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคฟื้นตัว ส่งผลให้จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการซื้อที่อยู่อาศัยขยายตัว 21% (YoY) ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้น 9 สัปดาห์ต่อเนื่อง ขณะที่การขอสินเชื่อเพื่อการรีไฟแนนซ์ขยายตัวกว่า 106% (YoY)
ภาวะตลาดวานนี้
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงจากความกังวลที่อาจเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 อีกรอบ ซึ่งอาจส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัวไปอีกระยะ ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มเทขายหุ้นจากปัจจัยดังกล่าว สวนทางกับตลาดหุ้นยุโรปที่ปรับตัวขึ้นจากความคาดหวังในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากที่ประชุมคณะมนตรียุโรปที่จะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้
- สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงหลังสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ ออกมาเพิ่มขึ้นสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดไว้ แสดงถึงด้านอุปสงค์น้ำมันที่ยังไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก อาจส่งผลให้เกิดภาวะน้ำมันล้นตลาดได้ ด้านสัญญาทองคำปรับตัวลงจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐและแรงเทขายทำกำไรจากนักลงทุนบางส่วน
สหรัฐฯ
- Dow Jones อยู่ที่ 26119.61 ลดลง -170.37 (-0.65%)
- S&P 500 อยู่ที่ 3113.49 ลดลง -11.25 (-0.36%)
- Nasdaq อยู่ที่ 9910.53 เพิ่มขึ้น 14.66 (0.15%)
ยุโรป
- DAX อยู่ที่ 12382.14 เพิ่มขึ้น 66.48 (0.54%)
- FTSE 100 อยู่ที่ 6253.25 เพิ่มขึ้น 10.46 (0.17%)
- Euro Stoxx 50 อยู่ที่ 3267.26 เพิ่มขึ้น 24.61 (0.76%)
- FTSE MIB อยู่ที่ 19585.89 ลดลง -39.74 (-0.2%)
เอเชีย
- Nikkei 225 อยู่ที่ 22455.76 ลดลง -126.45 (-0.56%)
- S&P/ASX 200 อยู่ที่ 5991.8 เพิ่มขึ้น 49.5 (0.83%)
- Shanghai อยู่ที่ 2935.87 เพิ่มขึ้น 4.12 (0.14%)
- SZSE Component อยู่ที่ 11420.84 เพิ่มขึ้น 21.87 (0.19%)
- China A50 อยู่ที่ 13651.54 ลดลง -10.31 (-0.08%)
- Hang Seng อยู่ที่ 24481.41 เพิ่มขึ้น 137.32 (0.56%)
- Taiwan Weighted อยู่ที่ 11534.59 เพิ่มขึ้น 22.95 (0.2%)
- SET อยู่ที่ 1376.18 เพิ่มขึ้น 9.05 (0.66%)
- KOSPI อยู่ที่ 2141.05 เพิ่มขึ้น 3 (0.14%)
- IDX Composite อยู่ที่ 4987.78 เพิ่มขึ้น 1.32 (0.03%)
- BSE Sensex อยู่ที่ 33507.92 ลดลง -97.3 (-0.29%)
- PSEi Composite อยู่ที่ 6282.01 เพิ่มขึ้น 0.26 (0%)
Commodity
- ราคาน้ำมันดิบ WTI อยู่ที่ 37.48 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.45 (1.21%)
- ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ อยู่ที่ 40.55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.46 (1.15%)
- ราคาทองคำ อยู่ที่ 1727.74 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 2.36 (0.14%)
อ้างอิง:
- InfoQuest
- Bloomberg
- Investing
- CNBC
- Reuters
