- วันนี้สหรัฐฯ มีกำหนดประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Nonfarm Payrolls) ประจำเดือนกันยายน ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ 850,000 ตำแหน่ง ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ขณะที่อัตราการว่างงานซึ่งมีกำหนดประกาศวันนี้เช่นเดียวกันคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 8.2% ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 เช่นเดียวกัน หลังจากที่สหรัฐฯ ผ่อนคลายมาตรการปิดเมืองเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่สหภาพยุโรปมีกำหนดประกาศดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index: CPI) ประจำเดือนกันยายน ซึ่งคาดว่าจะประกาศออกมาที่ -0.2% (YoY) ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นการอยู่ในภาวะเงินฝืด 2 เดือนต่อเนื่อง จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กดดันกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วยุโรป
- หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรของสหราชอาณาจักรได้ผ่านร่างกฎหมาย UK Internal Market Bill ซึ่งมีเนื้อหาที่ขัดต่อข้อตกลงการแยกตัวของสหราชอาณาจักรจากยุโรป (Brexit Withdrawal Agreement) หลายส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับไอร์แลนด์เหนือ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสหราชอาณาจักร แต่มีความอ่อนไหวในแง่ของภูมิรัฐศาสตร์สูง ล่าสุดคณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) ได้ส่งหนังสือแจ้งไปยังรัฐบาลสหราชอาณาจักร และให้เวลา 1 เดือนในการตอบกลับ โดยระบุว่าหากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกัน อาจจะนำไปสู่กระบวนการฟ้องร้องที่กินเวลา และทำให้สหราชอาณาจักรถูกปรับ หรือแม้กระทั่งสหภาพยุโรปสามารถที่จะยกเลิกข้อตกลงการแยกตัวดังกล่าวได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตามกระบวนการผ่านร่างกฎหมายนั้น ยังคงเหลือขั้นตอนการลงมติของวุฒิสภาอีกครั้ง ซึ่งคาดการณ์ว่ามีโอกาสที่จะผ่านได้น้อยกว่าสภาล่างในเบื้องต้นที่ผ่านมา เนื่องจากพรรครัฐบาลเป็นเสียงข้างน้อยในวุฒิสภา อีกทั้งยังมี ส.ว. บางส่วนที่สังกัดพรรครัฐบาลไม่เห็นด้วยกับการผ่านร่างกฎหมายดังกล่าวด้วย
- วานนี้ คณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) แถลงการณ์ถึงการขยายมาตรการดูแลความแข็งแกร่งเงินกองทุนของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ ซึ่งประกอบไปด้วยการห้ามธนาคารพาณิชย์ที่มีสินทรัพย์ขนาด 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐซื้อคืนหุ้น และจำกัดการจ่ายปันผลให้สอดคล้องกับรายได้ในช่วงที่ผ่านมา ไปจนถึงไตรมาสที่ 4/2020 อย่างไรก็ตาม Fed ยังระบุว่าฐานะทางการเงินของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ยังอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง สอดคล้องกับผลการทดสอบ Stress Test เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และเตรียมจะทดสอบ Stress Test อีกครั้งในช่วงไตรมาส 4/2020 นี้
- คืนที่ผ่านมา สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ มีมติ 214 ต่อ 207 เสียงผ่านร่างมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 วงเงิน 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นข้อเสนอของสมาชิกพรรคเดโมแครต ซึ่งประกอบไปด้วย 1. คงวงเงินช่วยเหลือผู้ว่างงาน 600 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ไปจนถึงเดือนมกราคม 2021 2. มอบเช็คเงินสดให้กับชาวอเมริกันรอบที่ 2 รายละ 1,200 ดอลลาร์ 3. อนุมัติวงเงิน 436,000 ล้านดอลลาร์ให้โครงการเยียวยารัฐบาลท้องถิ่นเป็นระยะเวลา 1 ปี 4. ให้จัดหาเงินกู้เพิ่มเติมรอบที่สองให้กับโครงการ Paycheck Protection Program (PPP) เพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด 5. อนุมัติวงเงิน 25,000 ล้านดอลลาร์ให้กับสายการบินต่างๆ เพื่อช่วยเหลือการจ้างงาน 6. อนุมัติวงเงิน 75,000 ล้านดอลลาร์ในการตรวจหาโควิด-19 และการติดตามผู้ติดเชื้อ 7. อนุมัติวงเงิน 225,000 ล้านดอลลาร์ให้กับโครงการด้านการศึกษา และ 57,000 ล้านดอลลาร์ให้กับโครงการดูแลเด็ก 8. กันเม็ดเงินจำนวนหลายพันล้านดอลลาร์ไว้เพื่อช่วยเหลือด้านการเช่าและการจำนองอสังหาริมทรัพย์ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความกังวลต่อการผ่านร่างมาตรการดังกล่าวในวุฒิสถา เนื่องจากพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก
- วานนี้ ร็อบ เลเธิร์น ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์ของ Facebook ทวีตข้อความระบุว่า Facebook เตรียมที่จะแบนโฆษณาที่มีเนื้อหาระบุว่าการเลือกตั้งสหรัฐฯ มีการทุจริต และอาจนำไปสู่การไม่ออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งในทันที หลังจากก่อนหน้านี้ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้กล่าวถึงโอกาสที่การเลือกตั้งของสหรัฐฯ จะถูกโกงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการโต้วาทีที่ผ่านมา และต่อกรณีการเลือกตั้งทางไปรษณีย์
ภาวะตลาดวานนี้
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นจากตัวเลขการขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกออกมาต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังคงคาดหวังมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจที่ทั้งสองพรรคพยายามบรรลุข้อตกลงหลังจากยื้ดเยื้อกันมานาน สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นเช่นกัน แม้ตัวเลขเศรษฐกิจจะออกมาอ่อนแอก็ตาม แต่ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการและการคาดการณ์กำไรในบริษัทบางแห่งกลับมาโตอีกครั้ง
- สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงจากความกังวลของปริมาณความต้องการใช้น้ำมันลดลง หลังจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ อาจส่งผลให้ปริมาณน้ำมันกลับมาล้นตลาดอีกครั้ง ด้านสัญญาทองคำปรับตัวขึ้นจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ รวมทั้งความกังวลที่เศรษฐกิจอาจชะลอตัวไปอีกระยะจากจำนวนผู้ติดโควิด-19 ที่อาจก่อให้เกิดมาตรการล็อกดาวน์อีกรอบ ส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยจากปัจจัยดังกล่าว
สหรัฐฯ
- Dow Jones อยู่ที่ 27816.9 เพิ่มขึ้น 35.2 (0.13%)
- S&P 500 อยู่ที่ 3380.8 เพิ่มขึ้น 17.8 (0.53%)
- Nasdaq อยู่ที่ 11326.51 เพิ่มขึ้น 159 (1.42%)
ยุโรป
- DAX อยู่ที่ 12730.77 ลดลง -29.96 (-0.23%)
- FTSE 100 อยู่ที่ 5879.45 เพิ่มขึ้น 13.35 (0.23%)
- Euro Stoxx 50 อยู่ที่ 3194.09 เพิ่มขึ้น 0.48 (0.01%)
- FTSE MIB อยู่ที่ 19061.5 เพิ่มขึ้น 46.23 (0.24%)
เอเชีย
- Nikkei 225 อยู่ที่ 23184.93 ลดลง -0.19 (0%)
- S&P/ASX 200 อยู่ที่ 5872.9 เพิ่มขึ้น 57 (0.98%)
- Shanghai อยู่ที่ 3218.05 ลดลง -6.31 (-0.2%)
- SZSE Component อยู่ที่ 12907.45 เพิ่มขึ้น 6.75 (0.05%)
- China A50 อยู่ที่ 15209.27 เพิ่มขึ้น 19.39 (0.13%)
- Hang Seng อยู่ที่ 23459.05 เพิ่มขึ้น 183.52 (0.79%)
- Taiwan Weighted อยู่ที่ 12515.61 เพิ่มขึ้น 47.88 (0.38%)
- SET อยู่ที่ 1243.72 เพิ่มขึ้น 6.68 (0.54%)
- KOSPI อยู่ที่ 2327.89 เพิ่มขึ้น 19.81 (0.86%)
- IDX Composite อยู่ที่ 4970.09 เพิ่มขึ้น 100.06 (2.05%)
- BSE Sensex อยู่ที่ 38697.05 เพิ่มขึ้น 629.12 (1.65%)
- PSEi Composite อยู่ที่ 5944.87 เพิ่มขึ้น 80.64 (1.38%)
Commodity
- ราคาน้ำมันดิบ WTI อยู่ที่ 38.5 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง -1.53 (-382%)
- ราคาน้ำมันเบรนท์ อยู่ที่ 40.75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง -1.37 (-325%)
- ราคาทองคำ อยู่ที่ 1903.24 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลดลง 15.44 (-82%)
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
- InfoQuest
- Bloomberg
- Investing
- CNBC
- Reuters