- จับตาตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ โดยวันนี้สหรัฐฯ มีกำหนดประกาศยอดการจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนสิงหาคม ซึ่งคาดว่าจะประกาศออกมาที่ 950,000 ตำแหน่ง เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 167,000 ตำแหน่ง สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันกับยอดคำสั่งซื้อสินค้าจากโรงงานประจำเดือนกรกฎาคม ที่คาดว่าจะขยายตัว 6.0% (MoM) แต่ขยายตัวลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 6.2% (MoM) สะท้อนภาวะเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่
- สตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงจำเป็นที่จะต้องมีมาตรการทางการคลังช่วยหนุนอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมบริการ การท่องเที่ยว และธุรกิจขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างมาก สอดคล้องกับ มาร์ก มีโดวส์ หัวหน้าคณะทำงานทำเนียบขาว ที่คาดว่าจะนำร่างกฎหมายดังกล่าวพิจารณาอีกครั้งในช่วงสัปดาห์หน้า ซึ่งการหารือในสภานั้นยังคงมีความขัดแย้งกันทั้งภายในฝั่งรีพับลิกันเอง และระหว่างทั้ง 2 สภาในเรื่องของวงเงินและรายละเอียดของมาตรการดังกล่าว ส่งผลให้ยังไม่สามารถอนุมัติวงเงินช่วยเหลือออกมาได้ โดยภายในพรรครีพับลิกันเองนั้นมีทั้งกลุ่มที่สนับสนุนการผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ และกลุ่มที่มองว่าไม่จำเป็นที่จะต้องกระตุ้นเศรษฐกิจอีกต่อไป เนื่องจากอาจเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในระยะยาว ขณะที่ความขัดแย้งระหว่างเดโมแครตและรีพับลิกันนั้นเป็นเรื่องของขนาดมาตรการที่เดโมแครตเสนอวงเงินกว่า 2.2 ล้านล้าน ที่อีกฝ่ายมองว่าไม่เหมาะสมกับความเป็นจริง รวมไปถึงมาตรการชดเชยรายได้จำนวน 1,200 ดอลลาร์ต่อราย ที่ฝั่งรีพับลิกันต้องการที่จะปรับลดออกไป
- เมื่อวานนี้ ปรีดี ดาวฉาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนปัจจุบัน ซึ่งเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการวันที่ 6 สิงหาคม และเข้าเฝ้าเพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา ได้ยื่นจดหมายลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากปัญหาสุขภาพ ท่ามกลางกระแสข่าวความขัดแย้งกับ สันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และ ผอ. พรรคพลังประชารัฐ เรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายผู้บริหารกระทรวงการคลัง
- คืนที่ผ่านมา ไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ กล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์ว่า เขาหวังว่าศูนย์วัฒนธรรมของสถาบันขงจื๊อจีนในมหาวิทยาลัยสหรัฐฯ จะปิดตัวลงทั้งหมดภายในสิ้นปี 2020 เนื่องจากสถาบันดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของโฆษณาชวนเชื่อ และเป็นองค์กรที่ให้การสนับสนุนการจารกรรมในสหรัฐฯ พร้อมทั้งระบุว่าสถานการณ์ในปัจจุบันนี้มีความคล้ายคลึงกับช่วงสงครามเย็น แต่แตกต่างออกไปที่ ณ ขณะนี้เรากำลังต่อสู้อยู่กับประเทศที่มีประชากรกว่า 1,400 ล้านคนที่มีความพยายามแข่งขันเอาชนะกันในด้านเศรษฐกิจเป็นหลัก
- เมื่อวานนี้ สหรัฐฯ ประกาศดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรมจากสถาบัน ISM (ISM Manufacturing PMI) ประจำเดือนสิงหาคม ออกมาที่ 56.0 จุด ดีกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 54.5 จุด ขยายตัวเพิ่มจากเดือนก่อนหน้าที่ 54.2 จุด สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกับจีน ที่ประกาศดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรมจากสถาบันไฉซิน (Caixin Manufacturing PMI) ประจำเดือนสิงหาคม ออกมาที่ 53.1 จุด ดีกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 52.8 จุด และขยายตัวเพิ่มจากเดือนก่อนหน้าที่ 52.8 จุด ขณะที่เยอรมนีประกาศดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรม (Manufacturing PMI) ประจำเดือนสิงหาคมที่ 52.2 จุด ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 51.0 จุด แต่แย่กว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 53.0 จุด สะท้อนมุมมองทางเศรษฐกิจที่ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง หลังจากผ่อนคลายมาตรการปิดเมืองในสหรัฐฯ และเยอรมนี และการกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ใกล้เคียงระดับปกติมากขึ้นในประเทศจีน
ภาวะตลาดวานนี้
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น โดยดัชนี S&P 500 และ Nasdaq กลับมาทำ New High อีกครั้ง จากแรงหนุนของตัวเลขรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อในภาคการผลิตของ ISM ที่ออกมาแข็งแกร่งที่ระดับ 56 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 54.5 ซึ่งตัวเลขที่ออกมานั้นหากมีค่ามากกว่า 50 บ่งชี้ถึงแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในสหรัฐฯ เป็นไปในทางทีดีขึ้น สวนทางกันกับตลาดหุ้นยุโรปที่ปรับตัวลงจากตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคที่ออกมาอ่อนแอ โดยหดตัว -0.2% (YoY) สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ขยายตัว +0.2% แสดงถึงเศรษฐกิจในยุโรปยังไม่ฟื้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ก่อนหน้านี้ ส่งผลให้นักลงทุนเทขายหุ้นที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยงออกมาจากแรงกดดันดังกล่าว
- สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นขานรับตัวเลข PMI ทั้งในสหรัฐฯ และจีนที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับต้นของโลก บ่งชี้ถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและส่งผลต่อปริมาณความต้องการใช้น้ำมันโลก ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น ด้านสัญญาทองคำปรับตัวขึ้นเล็กน้อยจากการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ราคาทองคำอาจปรับตัวขึ้นต่อ ขานรับมาตรการทางการเงินใหม่ของ Fed แต่อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำมีแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ
สหรัฐฯ
- Dow Jones อยู่ที่ 28,645.66 เพิ่มขึ้น 215.61 (0.76%)
- S&P 500 อยู่ที่ 3,526.65 เพิ่มขึ้น 26.34 (0.75%)
- Nasdaq อยู่ที่ 11,939.67 เพิ่มขึ้น 164.21 (1.39%)
ยุโรป
- DAX อยู่ที่ 12,974.25 เพิ่มขึ้น 28.87 (0.22%)
- FTSE 100 อยู่ที่ 5,862.05 ลดลง -101.52 (-1.7%)
- Euro Stoxx 50 อยู่ที่ 3,277.58 เพิ่มขึ้น 5.07 (0.15%)
- FTSE MIB อยู่ที่ 19,595.02 ลดลง -38.67 (-0.2%)
เอเชีย
- Nikkei 225 อยู่ที่ 23,138.07 ลดลง -1.69 (-0.01%)
- S&P/ASX 200 อยู่ที่ 5,953.4 ลดลง -107.1 (-1.77%)
- Shanghai อยู่ที่ 3,410.59 ลดลง -0.02 (0%)
- SZSE Component อยู่ที่ 13,849.66 เพิ่มขึ้น 91.43 (0.67%)
- China A50 อยู่ที่ 15,766.79 เพิ่มขึ้น 40.43 (0.26%)
- Hang Seng อยู่ที่ 25,184.85 เพิ่มขึ้น 7.8 (0.03%)
- Taiwan Weighted อยู่ที่ 12,703.28 เพิ่มขึ้น 111.83 (0.89%)
- SET อยู่ที่ 1,305.57 ลดลง -5.09 (-0.39%)
- KOSPI อยู่ที่ 2,349.55 เพิ่มขึ้น 23.38 (1.01%)
- IDX Composite อยู่ที่ 5,310.68 เพิ่มขึ้น 72.19 (1.38%)
- BSE Sensex อยู่ที่ 38,900.8 เพิ่มขึ้น 272.51 (0.71%)
Commodity
- ราคาน้ำมันดิบ WTI อยู่ที่ 43.06 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.22 (0.51%)
- ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ อยู่ที่ 45.77 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.19 (0.42%)
- ราคาทองคำ อยู่ที่ 1972.68 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 4.65 (0.24%)
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
- Infoquest
- Bloomberg
- Investing
- CNBC
- Reuters
