นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่เทศกิจทั้ง 50 เขตในประเด็นเพิ่มความเข้มงวดโครงการ ‘จับจริง ปรับจริง รถยนต์ รถจักรยานยนต์ จอดหรือขับขี่บนทางเท้า’ และกล่าวว่าหลังจากเกิดเหตุรถจักรยานยนต์ชนนักเรียนบริเวณซอยลาดพร้าว 69 เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ก็ยังพบว่ามีรายงานผู้ฝ่าฝืนวิ่งบนทางเท้าในบริเวณเกิดเหตุ รวมถึงจุดอื่นๆ ทั่วกรุงเทพฯ มาอย่างต่อเนื่อง
ที่ผ่านมาทั้ง 50 เขตดำเนินการจับปรับอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่วันที่ 9 กรกฎาคม ถึง 31 ตุลาคม 2561 สามารถจับกุมได้ 9,572 คน ว่ากล่าวตักเตือน 3,250 คน ดำเนินคดี 6,142 คน และอยู่ระหว่างดำเนินคดี 180 คน รวมค่าปรับเป็นเงิน 3,393,100 บาท
ส่วนในเดือนนี้ ตั้งแต่วันที่ 1-26 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พบผู้กระทำผิดแล้วกว่า 12,000 คน จับปรับได้เงินแล้วอีกกว่า 570,000 บาท
แม้จะจับปรับได้จำนวนมาก แต่ก็ยอมรับว่ากำลังเจ้าหน้าที่เทศกิจทุกเขตไม่เพียงพอต่อการดูแลให้ทั่วถึงตลอดเวลา ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่กวดขันอย่างเข้มงวด ซึ่งปัญหานี้เป็นสิ่งที่ประชาชนคาดหวังให้หมดไป จึงกำชับให้เจ้าหน้าที่กวดขันเรื่องการปรับอย่างเข้มงวดและจริงจัง
โดยมติวันนี้ให้เพิ่มค่าปรับสำหรับผู้กระทำความผิดจากเดิม 500 บาท เป็น 1,000 บาท โดยให้เริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และให้กวดขันในช่วงเวลาเร่งด่วนตั้งแต่ 08.00-09.00 น. และเวลา 16.00-19.00 น. โดยเฉพาะหน้าสถานศึกษาที่ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนเป็นจำนวนมาก
สำหรับค่าปรับ กทม. มีอำนาจในการปรับสูงสุด 500 บาท แต่ในเวลานี้จะเพิ่มตัวเลขอยู่ที่ 1,000 บาท และเมื่อทำได้สักระยะจะมีการเรียกเทศกิจมาพูดคุยประเมินผล อาจจะมีการปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลงอีกก็ได้ ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของคน
ทั้งนี้หากพบผู้กระทำผิดเป็นเยาวชนหรือนักเรียน ย้ำว่าไม่ให้เจ้าหน้าที่ตักเตือนแล้วปล่อยตัว แต่ขอให้เชิญผู้ปกครองมารับทราบพฤติกรรมบุตรหลานและจับปรับเงินจากผู้ปกครองแทน และในกรณีที่เป็นประชาชนกระทำผิดแล้วอ้างว่าไม่มีเงินจ่าย ให้เจ้าหน้าที่ยึดอายัดรถไปเก็บไว้ที่สำนักงานเขตได้ทันที เพราะเป็นอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายที่สามารถทำได้ และให้นำเงินมาจ่ายค่าปรับจนครบจึงจะให้รถคืน
นายสกลธีกล่าวอีกว่าส่วนใหญ่ผู้กระทำผิดมักจะอ้างสาเหตุการฝ่าฝืนกฎหมายอยู่ด้วยกัน 2 ข้อคือ การจราจรติดขัด จึงมีความจำเป็นที่จะต้องทำเวลาในการไปให้ถึงจุดหมาย จึงเลือกขี่บนทางเท้าเพื่อหลีกเลี่ยงการจราจร และจุดกลับรถอยู่ไกล ผู้ขับขี่จึงใช้การขับขี่รถจักรยานยนต์ขี่บนทางเท้าเพื่อย้อนศร
นอกจากนี้ยังมอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายของสำนักเทศกิจหารือกับตำรวจเพื่อศึกษาแนวทางวิธีการนำภาพจากกล้องวงจรปิดที่มีการบันทึกภาพและส่งใบเสียค่าปรับไปยังบ้านของผู้กระทำความผิดของตำรวจว่ามีข้อจำกัดอย่างไรหรือไม่ แม้กล้อง CCTV ของ กทม. จะมีอยู่แล้วกว่า 50,000 ตัว แต่เป็นกล้องเพื่อความมั่นคงปลอดภัย ไม่ใช่เพื่อการจับภาพกระทำความผิด ตอนนี้ได้มอบหมายให้สำนักเทศกิจทำโครงการติดตั้งกล้องเพิ่มเติมเพื่อเสนอสำนักการจราจรและขนส่ง
ส่วนกรณีของวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่จอดรถบนทางเท้า ได้มอบหมายให้ทุกสำนักงานเขตไปสำรวจตรวจสอบว่าจุดทางเดินเท้าพื้นที่ไหนกว้างมากพอก็จะให้ทำการปาดทางในลักษณะเดียวกับจุดจอดรถแท็กซี่ เพื่อให้วินมอเตอร์ไซค์ลงมาจอดด้านล่าง ทั้งนี้คงจะไม่ไล่ให้ลงมาจอดบนพื้นผิวถนนทั้งหมด เพราะเดิมเป็นนโยบายที่ให้ขึ้นไปจอดบนทางเท้าเพื่อลดปัญหาการจราจร แต่จะขอความร่วมมือวินในกรุงเทพฯ ที่มีกว่า 5,000 วิน ไม่วิ่งบนทางเท้าจนสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน หากพบว่าฝ่าฝืนคงไม่มีการละเว้น
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
