ก่อนนี้ผมเคยเขียนถึงเขาเอาไว้บ้างแล้วหลังจบเกมระหว่าง บราซิล พบ คอสตาริกา ในเรื่อง The Neymar Show โชว์พิเศษของคนพิเศษที่ชื่อ ‘เนย์มาร์’
ในวันนั้น เนย์มาร์กลายเป็นจุดสนใจของเกมจาก 3 เหตุการณ์ด้วยกัน อย่างแรกคือการแกล้งล้มเพื่อเรียกจุดโทษ ซึ่งไม่เนียนและกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก อย่างต่อมาคือจังหวะที่พยายามงัดลูกเล่น Lambretta หรือ Rainbow Flick ข้ามหัว เยลต์ซิน เตเยดา ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ
ก่อนจะร้องไห้เพื่อปลดปล่อยความรู้สึกของตัวเองออกมาหลังจากทำประตูย้ำชัยได้สำเร็จ
อย่างไรก็ดีหากตัด 3 เหตุการณ์ข้างต้นไป เนย์มาร์ ไม่ได้มีเกมที่ดีนักครับ ผลงานของเขาในเกมนั้นถือว่าย่ำแย่ บางสำนักข่าวเปิดให้แฟนๆ โหวตคะแนนความสามารถเข้ามา และสตาร์หมายเลขหนึ่งของทีมชาติบราซิลนั้นได้คะแนนที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินอย่างมาก
เพียงแต่ด้วยความเป็น ‘สตาร์’ ของเขา ไม่ว่าจะเคลื่อนตัวไปอยู่จุดใดในสนาม และไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม เป็นเรื่องที่ปฏิเสธได้ยากว่าเราจะไม่สนใจ
เนย์มาร์ คือนักฟุตบอลที่เกิดมาเพื่อเป็นดาราอย่างแท้จริงโดยไม่ต้องสงสัยครับ
ทีนี้ย้อนกลับไปในเกมกับเม็กซิโก เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมาในรอบ 16 ทีมสุดท้ายของฟุตบอลโลก ก็เป็นอีกครั้งที่เนย์มาร์ขโมยซีนทุกคนได้ก่อนจากรองเท้าคู่ใหม่สีเหลืองสดใสที่สปอนเซอร์ของเขาไนกี้ จัดเตรียมเอาไว้ให้ใส่ในช่วงรอบน็อกเอาต์ของฟุตบอลโลก
แค่เนย์มาร์ใส่เราก็ได้เห็นรองเท้าคู่นี้ออกหน้าจอโทรทัศน์อยู่หลายช็อตแล้ว แม้กระทั่งในจังหวะที่เขาโดนทำฟาวล์และล้มลงไปกองกับพื้น กล้องไม่ได้จับไปที่สีหน้าของเขาเพียงอย่างเดียว แต่ยังจับจ้องไปที่รองเท้าคู่ใหม่สีสวยด้วย
เพียงแต่สิ่งที่แตกต่างไปจากเกมกับคอสตาริกา คือการที่เขาไม่ได้ทำผลงานเลวร้ายเหมือนในหลายเกมก่อนหน้านี้
เนย์มาร์ไม่ได้ขโมยซีนเหมือนที่ผ่านมาแล้วครับ เพราะเขายึดเวทีเป็นของเขาแค่เพียงคนเดียว
ใครจะมาแย่งสปอตไลต์ไปจากเขาไม่ได้
90 นาทีที่สนามซามารา สเตเดียม เป็นเกมที่สนุกตื่นเต้นในเชิงของเกมฟุตบอลคุณภาพสูง โดยเฉพาะในครึ่งแรกที่เม็กซิโกสามารถต่อกรกับบราซิลได้อย่างสนุก สตาร์ในแนวรุกของทีมจังโก้หลายคนเล่นงานปราการหลังกานารินโญจนปั่นป่วนไปหมด
โดยเฉพาะ คาร์ลอส เวลา และ เออร์วิง โลซาโน ที่จบฟุตบอลโลกหนนี้น่าจะมีทีมระดับท็อปของยุโรปดึงตัวไปร่วมทีมอย่างแน่นอน
ในช่วงเวลานั้น บราซิลทำได้มากที่สุดเพียงแค่การประคองตัวไม่ให้เสียท่าไปก่อนเท่านั้น และแน่นอนว่าเราแทบไม่ได้เห็นเนย์มาร์สร้างสรรค์อะไรในสนามได้มากเท่าไรนัก เพราะแนวรับของเม็กซิโกวางแผนรับมือมาเป็นอย่างดี
แต่เมื่อถึงเกมในครึ่งหลังทายาทเสื้อหมายเลข 10 ของบราซิล เริ่มแสดงความสามารถของเขาออกมาให้เห็น
จุดเปลี่ยนที่สำคัญอยู่ที่จังหวะในการลากเลื้อยแถวกรอบเขตโทษทางฝั่งซ้ายที่เนย์มาร์ลากจี้ก่อนจะล็อกหลบจนตัวประกบหลังหักแบบน่าสงสาร แต่จังหวะสุดท้ายยิงไม่ผ่าน กิแยร์โม โอชัว ที่ปัดป้องเอาไว้ได้
การลากเลื้อยของเขาในจังหวะนี้ ทำให้เกิดผล 2 อย่างครับ อย่างแรกคือความมั่นใจของตัวเองที่กลับมา และอย่างต่อมาคือการทำลายความมั่นใจในเกมรับของเม็กซิโก ที่ความจริงก็ถือว่าตั้งหลักมาได้ดีโดยตลอด
หลังจากนั้นเราก็กลับเข้าสู่รายการ The Neymar Show แบบเต็มรูปแบบอีกครั้ง
เนย์มาร์แสดงบทของอัจฉริยะลูกหนังให้ทุกคนได้เห็น กับการเล่นที่น่าตื่นตาตื่นใจที่มาพร้อมกับความอันตรายในทุกจังหวะการเล่น
ไม่นับการมีส่วนร่วมกับเกม การสนับสนุนเพื่อนร่วมทีม และความกล้าที่จะสร้างความแตกต่างด้วยตัวเอง
ประตูขึ้นนำ 1-0 ของบราซิล ก็มาจากจุดเริ่มต้นที่เขา ก่อนจะจบที่เขา
เช่นกันกับประตู 2-0 ที่ใช้ความสามารถเฉพาะตัวควบตะบึงพาบอลเข้าเขตโทษก่อนจะพยายามจิ้มบอลหมายทำประตู ซึ่งโชคดีที่บอลสะกิดโดนขาโอชัวก่อนมาเข้าทาง โรแบร์โต เฟอร์มิโน วิ่งปรี่เข้ามาจัดการซ้ำดาบสองเข้าไป
แต่นอกเหนือจากการแสดงความสามารถในเชิงลูกหนังแล้ว เนย์มาร์ยังแสดงความสามารถทางการแสดงให้เราได้เห็นอีกครั้ง
ไม่ว่าจะเป็นการกลิ้งที่กลายเป็นมีม Neymar’s Rolling ในโลกอินเทอร์เน็ต เพราะไม่ว่าคู่แข่งจะเข้าเสียบอย่างหนัก หรือแค่สะกิดโดนด้วยปลายขา เนย์มาร์ก็พร้อมที่จะกลิ้งตัวหลายตลบราวกับโดนไม้คมแฝกฟาดเข้าที่หน้าแข้ง
รวมถึงจังหวะที่ มิเกล ลายุน ตัวสำรองเม็กซิโกที่มีหน้าที่ในการไล่ประกบสตาร์ลูกหนังชาวบราซิล เก็บอารมณ์ไม่ไหวแอบ ‘ย่ำ’ ใส่ข้อเท้าเบาๆในจังหวะที่เนย์มาร์ล้มไปกองและเรียกร้องความเห็นใจจากผู้ตัดสิน
แค่ปลายสตั๊ดของลายุนสัมผัสโดนตัว เนย์มาร์ก็ร้องลั่นราวกับโดนหักขาคาสนามจนผู้พบเห็นตกใจ
การแสดงของเนย์มาร์ ถูกวิจารณ์ตามประสาครับ เพราะไม่ใช่ทุกคนบนโลกที่จะรับกับการแสดงตบตาของนักฟุตบอลได้
บ้างก็ว่าการเล่นตบตาแบบนี้เป็นการลดค่าพรสวรรค์ที่มีมากล้นในตัวของเขา
บ้างก็ว่ามันเป็นเรื่องที่น่าละอาย
อย่างไรก็ดีในสิ่งที่เขาได้ทำลงไปนั้น สำหรับผมคิดว่ามันเป็นตัวของเขามากที่สุดแล้วครับ เพราะนี่คือ เนย์มาร์ นักฟุตบอลผู้ต้องการเป็นจุดสนใจของทุกคนในทุกเวลานาที ไม่ว่าจะในสนามหรือจะนอกสนามก็ตาม
จะให้ เนย์มาร์ เล่นเป็นแบบอื่นก็ไม่ได้
ผมชอบในคำตอบของเขานะครับเมื่อถูกถามเรื่องนี้ “ลองดูสิ ผมคิดว่าการแซะผมมันกลายเป็นเรื่องที่สำคัญมากกว่าเรื่องอื่นๆ แต่ผมไม่สนใจเสียงวิจารณ์หรือเสียงชื่นชมอะไรหรอก เพราะมันจะมีอิทธิพลต่อความคิดของเรา หลังจบเกม 2 นัดที่ผ่านมาผมไม่อยากคุยกับสื่อเพราะผมไม่ต้องการ ผมแค่อยากจะลงเล่น ช่วยเพื่อนของผม ช่วยทีมของผม แค่นั้น”
มันเป็นคำตอบที่ชัดเจนครับ ว่าเขาเป็นแบบนี้และเขาก็จะทำแบบนี้ต่อไป จนกว่าจะถึงจุดหมายปลายทางคือการได้แชมป์ฟุตบอลโลก
คนเรานั้นแตกต่างและไม่จำเป็นจะต้องทำทุกอย่างเหมือนกันหมดเพื่อให้ประสบความสำเร็จ
สิ่งที่อาจจะสำคัญมากกว่าวิธีการ (ที่ขอให้ไม่สกปรกเกินไป) คือเรื่องของความมุ่งมั่นที่อยากจะทำมันให้ได้จริงๆ
และคราวนี้ผมคิดว่าเราน่าจะสัมผัสได้ชัดเจนว่า เนย์มาร์ต้องการจะแก้ตัวพาบราซิล คว้าแชมป์โลกให้ได้จริงๆ
แชมป์โลกที่สำหรับเนย์มาร์แล้วมันอาจเป็นมากกว่าถ้วยสีทองที่นักเตะทุกคนปรารถนา
เพราะมันอาจหมายถึงออสการ์แห่งวงการลูกหนังด้วยก็เป็นได้