หนึ่งในสิ่งที่แฟนฟุตบอลทั่วโลกจับตามากที่สุดในฟุตบอลโลกครั้งนี้ คือระบบช่วยตัดสิน Video Assistant Referee หรือ VAR ระบบที่ถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือให้การตัดสินเกมฟุตบอลเป็นไปอย่างบริสุทธิ์และยุติธรรมมากที่สุด
อะไรที่เคยคลุมเครือ ไม่ชัดเจน และกลายเป็นความดราม่าในเกมลูกหนังไม่ควรจะเกิดขึ้นอีก
แต่มันดูเหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้นครับ
หลังจากที่ไม่มีเหตุการณ์ที่ต้องใช้งานใน 2 วันแรก มาถึงวันที่ 3 ของการแข่งขัน VAR ได้รับการเปิดตัวในฟุตบอลโลกอย่างเป็นทางการครั้งในเกมกลุ่มบี ระหว่าง ฝรั่งเศส พบ ออสเตรเลีย
จากจังหวะที่ อองตวน กรีซมันน์ ถูก จอช ริสดอน เกี่ยวล้มในเขตโทษ ทีแรก อันเดรส คุนญา ผู้ตัดสินชาวอุรุกวัยโบกมือให้กองหน้าทีมชาติฝรั่งเศสลุกขึ้นมาเล่นก่อน แต่หลังจากนั้นได้มีการเรียกภาพจาก VAR มาดู ก่อนจะกลับคำตัดสินให้จุดโทษแก่ทีมชาติฝรั่งเศส
การตัดสินด้วย VAR ครั้งแรกนี้มีการวิพากษ์กันอย่างกว้างขวางในสังคมออนไลน์ โดยบ้างก็ว่าเป็นการตัดสินที่ถูกต้อง ขณะเดียวกันก็มีฝ่ายที่มองเห็นตรงกันข้ามว่าในจังหวะนี้ ริสดอนเข้าถึงบอลในจังหวะที่สไลด์ใส่กรีซมันน์ ก่อนที่จะไปโดนขาดาวยิงน้ำหอมทีหลังจนล้มลงไป
เบิร์ต ฟาน มาร์ไวค์ โค้ชทีมชาติออสเตรเลีย ไม่พอใจกับการตัดสินครั้งนี้ โดยบอกว่าจากที่เขาเห็นด้วยสายตาตัวเอง คุนญาเองก็ตัดสินไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่เขาถูกบีบให้ต้องตัดสิน
“เรื่องนี้พูดยาก แต่มันก็เป็นการตัดสินที่ยาก เมื่อผู้ตัดสินซึ่งมีคนอีก 50,000 คนจับตามองอยู่ ต้องตัดสินในสิ่งที่เขาเองก็ยังสงสัย…แต่เขาก็เป็นคนธรรมดา และทุกคนก็ผิดพลาดได้” ฟาน มาร์ไวค์ กล่าว
“ผมหวังว่าสักวันหนึ่งเราจะมีผู้ตัดสินที่เที่ยงตรง โดยที่ไม่จำเป็นต้องมองภาพบนจอในจังหวะนั้น”
“ผมเห็นเขายืนตรงนั้น ภาษากายของเขาบอกว่าเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะตัดสินอย่างไร แต่เขาต้องตัดสินในวินาทีนั้นว่าต้องเลือกระหว่าง ฝรั่งเศส หรือ ออสเตรเลีย ในจังหวะนี้ผมได้รับการตอบรับที่หลากหลาย เอาเป็นว่าใน 10 คน จะมี 7 คนที่บอกว่ามันเป็นจุดโทษ ส่วนอีก 3 จะบอกว่าไม่ใช่จุดโทษ”
ขณะที่ทางด้าน มาร์ค แคลตเทนเบิร์ก อดีตผู้ตัดสินพรีเมียร์ลีก และเคยลงตัดสินในเกมนัดชิงชนะเลิศ ยูเอฟา แชมเปี้ยนส์ ลีก มาแล้วกล่าวชมเชยคุนญา กับการตัดสินในจังหวะนี้
แต่คนที่น่าผิดหวังสำหรับ แคลตเทนเบิร์ก คือ ซิมอน มาร์ซิเนียค ผู้ตัดสินชาวโปแลนด์ ที่ตัดสินผิดพลาดถึง 2 ครั้งเกี่ยวกับจุดโทษ โดยที่ไม่มีการสอบถามหรือขอความช่วยเหลือจาก VAR เลย
“อย่างน้อยเขาควรจะได้ดูจังหวะนี้ด้วย VAR” แคลตเทนเบิร์ก กล่าวถึงจังหวะที่ มาร์ซิเนียค ตัดสินให้จุดโทษกับอาร์เจนตินา ซึ่งในความรู้สึกของอดีตสิงห์เชิ้ตดำชื่อดังมองว่าเป็นการตัดสินที่ ‘ผิดพลาด’
นอกจากจังหวะนี้ มาร์ซิเนียคยังพลาดซ้ำสองเมื่อไม่ให้จุดโทษที่ 2 กับอาร์เจนตินา เมื่อ คริสเตียน ปาวอน โดนทำฟาวล์ในเขตโทษแบบค่อนข้างชัดเจน ซึ่งในความรู้สึกของแคลตเทนเบิร์ก ทีม ‘อัลบิเชเลสเต’ ควรจะได้จุดโทษในจังหวะนี้มากกว่า
“ผมประหลาดใจอย่างมากที่พวกเขาไม่แม้แต่จะไปดูภาพเลย”
ด้าน แกรี เนวิลล์ อดีตปราการหลังทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และทีมชาติอังกฤษ ซึ่งรับบทนักวิเคราะห์ให้กับสถานีโทรทัศน์ ITV มองว่าผู้ตัดสิน VAR ยังขาดทักษะในการตัดสินได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว
“ในสนามมีมุมกล้องให้ดูถึง 40 มุมกล้อง ซึ่งเราอาจจะพูดได้ว่ามีประมาณ 10 มุมกล้องที่เราจำเป็นต้องดู แต่ถ้าเราสอบถามผู้ตัดสิน VAR ซึ่งมีผู้ช่วย 2 คนอยู่ข้างเขาในการต้องตัดสินใจภายในระยะเวลา 10 หรือ 15 วินาที โดยที่ตรงหน้าเขามีจอเล็กๆ 9 หรือ 10 จอตั้งเรียงกันแบบลูกบิดปริศนา เขาอยู่ใต้ความกดดันที่จะต้องพยายามเลือกมุมกล้องที่ถูกต้องและตัดสินให้เร็วที่สุด”
เนวิลล์ ให้คำแนะนำต่อว่าสิ่งที่จะช่วยให้ VAR ทำงานได้ดีขึ้น จากประสบการณ์ที่ทำงานในวงการโทรทัศน์มาระยะหนึ่ง คือการมี Match Director ซึ่งมีทักษะในการเลือกมุมกล้องอย่างรวดเร็วภายใต้ความกดดัน ซึ่งจะช่วยให้ทีมผู้ตัดสินสามารถตัดสินได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ
ปัญหาในครั้งนี้ที่เนวิลล์ขอสรุปไว้คือ “ผู้ตัดสิน VAR ไม่มีความสามารถจะทำสิ่งเหล่านี้ได้ และมันทำให้เกิดปัญหา”
ด้านฟีฟ่ายืนยันว่า ‘พอใจมาก’ กับผลงานของ VAR เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา
เพียงแต่ทางด้าน มัสซิโม บูซัคกา ผู้อำนวยการฝ่ายการตัดสินเคยยอมรับก่อนที่ฟุตบอลโลกจะเริ่มว่า เขายังไม่คิดว่า VAR สมบูรณ์แบบ
“เราเร่งรีบในการจัดเตรียมระบบ เราต้องเข้าใจว่ามันจะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้นได้อย่างไร ในช่วงเริ่มต้นมันอาจจะยังไม่ถึงกับชัดเจนนัก แต่เราตกลงจะใช้ VAR เพราะเราคิดว่าเราพร้อมสำหรับมัน”
“เราอาจจะทำได้ไม่สมบูรณ์แบบ แต่เรากำลังมองหาภาพที่ตรงกันและสม่ำเสมอ แต่อย่างไรก็ดีมันจะไม่มีวันแม่นยำ 100% เพราะมันจะยังขึ้นอยู่กับการตีความของมนุษย์”
บูซัคกา มั่นใจว่าความคลุมเครือในอดีต จะไม่มีวันกลับมาให้เห็นอีกในอนาคตด้วย VAR เทคโนโลยีย้อนเวลา (และซื้อเวลา) เพื่อความถูกต้องในเกมลูกหนัง
แต่จะเป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่ เราคงให้ ‘เวลา’ เป็นเครื่องตัดสินครับ
สรุปเหตุการณ์ 4 ประเภทที่ VAR จะถูกใช้เพื่อช่วยตัดสิน
- ประตูที่เกิดขึ้น และเหตุการณ์ที่นำไปสู่ประตู
- การตัดสินให้หรือไม่ให้จุดโทษ และเหตุการณ์ที่นำไปสู่การตัดสินใจ
- ใบแดงโดยตรง
- การระบุตัวนักเตะผิดในแต่ละเหตุการณ์
*อ่านเรื่องราวของ VAR เพิ่มเติมได้ที่นี่
Talking Point
- ผลการแข่งขันเป็นใจสำหรับฝรั่งเศส แต่ฟอร์มการเล่นของ ‘เลส์ เบลอส์’ ยังมีเครื่องหมายคำถามที่ ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ ต้องตอบอีกมาก แต่เขาและทีมยังมีเวลาสำหรับการค้นหาคำตอบนั้น
- อาร์เจนตินาเล่นได้น่าผิดหวัง รวมถึง ลิโอเนล เมสซี ที่ดูขาดความมั่นใจและหมดหนทางที่จะช่วยทีมได้ และตอกย้ำตัวเองด้วยการยิงจุดโทษพลาดเป็นครั้งที่ 4 จาก 7 ครั้งหลังสุด
- ในอีกด้านหนึ่งนักเตะ ‘ฟ้าขาว’ เองก็อ่อนแอเกินกว่าที่จะทำอะไรได้ด้วยตัวเอง ซึ่งด้วยฟอร์มที่ปรากฏ บางทีความฝันของแฟนบอลทั่วโลกที่อยากเห็น เมสซี ชูถ้วยแชมป์ฟุตบอลโลกสักครั้งอาจไม่เกิดขึ้น…
- ด้านขุนพลนักเตะไวกิ้ง ไอซ์แลนด์ เล่นได้อย่างน่าประทับใจ พวกเขามาด้วยความพร้อมเต็มร้อย ลงเล่นแบบมีภาพชัดเจนว่าพวกเขาต้องการอะไร และต้องทำอะไรเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ และฟุตบอลโลกครั้งนี้พวกเขาน่าจะได้แฟนบอลเพิ่มอีกมากมายเลยทีเดียว
- การกลับมาเล่นฟุตบอลโลกครั้งแรกในรอบ 36 ปีของเปรู จบลงด้วยความผิดหวังด้วยความพ่ายแพ้ต่อเดนมาร์ก ทั้งที่บุกถล่มทั้งเกม และได้จุดโทษจาก VAR แต่ คริสเตียน เกบา ก็ยิงพลาด
- มองในแง่ดี พวกเขาก็เป็นหนึ่งในทีมที่เล่นด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจ ไม่ต้องมาลีลามากมาย ทำให้เปรูเป็นหนึ่งในทีมที่น่าเอาใจช่วย ไม่ว่าจะด้วยเรื่องราวหรือสิ่งที่แสดงให้เห็นในสนาม
- โครเอเชีย แสดงให้เห็นว่าพวกเขาเป็นทีมที่แข็งแกร่งจริง อาจจะไม่หวือหวาแต่ไม่สามารถประมาทได้เด็ดขาด และในเกมหน้ากับอาร์เจนตินา เชื่อว่าพวกเขามองถึงการเข้ารอบแล้ว
Photo: Reuters
อ้างอิง: