ถ้าพูดถึงสนามจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย FIFA World Cup 2018 ในประเทศรัสเซียที่ดูหรูหรา ใหญ่โต และโอ่อ่ามากที่สุด หลายคนคงนึกถึงลุจนีกี สเตเดียม (Luzhniki Stadium) ในเมืองมอสโก เพราะสามารถรองรับผู้คนได้สูงสุดถึง 80,000 ที่นั่ง และยังถูกใช้เป็นสังเวียนในรอบชิงชนะเลิศประจำทัวร์นาเมนต์ในครั้งนี้
แต่ถ้าพูดถึงสนามที่ ‘น่าหวาดเสียวที่สุด’ THE STANDARD ขอแนะนำให้คุณรู้จักกับเยคาเตรินบุร์ก อารีน่า (Ekaterinburg Arena) ในเมืองเยคาเตรินบุร์ก รังเหย้าสโมสรฟุตบอลอูราล อูราล สเวิร์ดลอฟ โอบลาสต์ (Football Club Ural Sverdlovsk Oblast) ทีมในศึกรัสเซียพรีเมียร์ลีก
ที่บอกว่าน่าหวาดเสียวที่สุดเป็นเพราะเดิมทีสนามแห่งนี้รองรับความจุได้แค่ประมาณ 23,000 ที่นั่งเท่านั้น ทำให้ต้องดำเนินการต่อเติมที่นั่งให้ได้มาตรฐานความจุขั้นต่ำของสนามจัดการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายของฟีฟ่าจำนวน 35,000 ที่นั่ง
แต่เนื่องจากแผนปรับปรุงในสนามเพิ่งจะแล้วเสร็จเมื่อช่วงต้นปีที่แล้ว ทำให้เป็นเรื่องยากมากถึงมากที่สุดที่จะใช้วิธีต่อเติมเพิ่มที่นั่งถาวรในเยคาเตรินบุร์ก อารีน่าให้ทันเวลาได้
ดังนั้นรัสเซียชาติเจ้าภาพจึงจำเป็นจะต้องทำการต่อเติมความจุสนามโดยใช้วิธีติดตั้งอัฒจันทร์ชั่วคราวความสูงเกือบ 45 เมตรหรือเทียบเท่าตึก 15 ชั้น! จำนวน 12,000 ที่นั่ง บริเวณหลังประตูในสนามแทน เพื่อให้สามารถรองรับผู้ชมในจำนวนที่ฟีฟ่าต้องการได้ทันเวลา
เก้าอี้สีส้มแสบตา (สีประจำสโมสรเยคาเตรินบุร์ก) 12,000 ที่นั่งถูกติดตั้งบนอัฒจันทร์ชั่วคราวที่วางตัวทอดยาวอยู่บนโครงเหล็กที่ถูกเคลมว่าแข็งแรงเป็นอย่างมาก และได้รับการตรวสอบมาตรฐานความปลอดภัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ด้วยความสูง 45 เมตรซึ่งเกือบจะสูงติดหลังคาสนามที่ 45.5 เมตรแล้ว ทัศนวิสัยของผู้ชมที่นั่งชั้นบนสุดของอัฒจันทร์จึงอาจจะไม่สู้ดีสักเท่าไร
ปลายปีที่แล้ว ช่วงที่อัฒจันทร์ชั่วคราวความสูงเฉียดฟ้าแห่งนี้ถูกติดตั้งเสร็จ โฆษกของฟีฟ่าได้ออกมายืนยันถึงความปลอดภัยด้วยตัวเอง โดยกล่าวว่า “กรณีของเยคาเตรินบุร์กนั้น ที่นั่งชั่วคราวได้ถูกติดตั้งเพื่องานปรับปรุงสนามจะยังรักษาหน้าของสนามแบบเดิมๆ ไว้ได้ และเพื่อควบคุมงบประมาณที่ใช้ดำเนินการ ผลจากการเข้าชมและตรวจเยี่ยมที่นั่งชั่วคราวแห่งนี้พบว่ามันได้มาตรฐานความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัย”
สำหรับเยคาเตรินบุร์ก อารีน่า จะถูกใช้จัดการแข่งขันในรอบแบ่งกลุ่มจำนวน 4 แมตช์ ประกอบไปด้วย อียิปต์พบอุรุกวัย, ฝรั่งเศสพบเปรู, ญี่ปุ่นพบเซเนกัล และเม็กซิโกพบสวีเดน
อ้างอิง: