วานนี้ (14 มีนาคม) สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ได้อนุมัติรูปแบบการแข่งขันใหม่สำหรับฟุตบอลโลก 2026 ที่สหรัฐอเมริกา แคนาดา และเม็กซิโก เป็นเจ้าภาพร่วม
โดยรูปแบบการแข่งขันใหม่ที่สภาฟีฟ่าทำการรับรองแล้วประกอบไปด้วย
- จากแข่งขัน 32 ทีม จะเป็น 48 ทีม
- จากการแข่งขัน 64 แมตช์ จะเป็น 104 แมตช์
- จากแข่งขัน 16 กลุ่ม กลุ่มละ 3 ทีมตามแผนเดิม จะเปลี่ยนเป็น 12 กลุ่ม แบ่งเป็นกลุ่มละ 4 ทีม
- ทีมแชมป์และรองแชมป์กลุ่มจะผ่านเข้ารอบ 32 ทีมสุดท้ายไปพร้อมกับ 8 ทีมอันดับที่ 3 ที่ดีที่สุด
- ทีมแชมป์และรองแชมป์จะลงแข่งทั้งหมด 8 เกมตลอดทัวร์นาเมนต์ จากเดิมที่แข่งกัน 7 เกม
โดยแถลงการณ์ของฟีฟ่าระบุว่า “จากการรีวิว และพิจารณาหลักการของกีฬา ความเป็นอยู่ของนักเตะ การเดินทางของทีม โฆษณา ความน่าหลงใหลของฟุตบอล รวมถึงทีม และประสบการณ์ของแฟนบอล สภาฟีฟ่าได้ตกลงร่วมกันและอนุมัติแผนการจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2026 แล้ว
“รูปแบบใหม่ของการแข่งขัน (12 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีม) จะช่วยลดความเสี่ยงของทีมที่จะฮั้วช่วยกันเข้ารอบน็อกเอาต์ และการันตีว่าทุกทีมจะได้ลงสนามแข่งขันอย่างน้อย 3 เกม รวมถึงยังได้ทำให้แต่ละทีมมีช่วงเวลาพักที่เหมาะสมระหว่างทัวร์นาเมนต์”
สำหรับฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ แข่งขันกันทั้งหมด 64 เกม โดยแชมป์ตกเป็นของอาร์เจนตินาที่เอาชนะการดวลจุดโทษกับแชมป์เก่าฝรั่งเศส
โดยนับตั้งแต่ปี 1998 ฟุตบอลโลกมีทีมเข้าร่วมแข่งขันทั้งหมด 32 ทีม และแบ่งเป็นทั้งหมด 8 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีม
ตามแผนเดิมสำหรับฟุตบอลโลก 2026 จะแข่งขันกันทั้งหมด 80 เกม แต่ล่าสุด ทางฟีฟ่าได้ตัดสินใจเพิ่มการแข่งขันเป็น 104 เกม โดยแบ่งเป็น 12 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีม
ซึ่งหมายความว่าจะเพิ่มการแข่งขันรอบ 32 ทีมสุดท้ายขึ้นมาจากเดิมที่เริ่มต้นรอบน็อกเอาต์ที่รอบ 16 ทีม และ 8 ทีมอันดับ 3 ที่ดีที่สุดจากรอบแบ่งกลุ่มจะผ่านเข้าสู่รอบน็อกเอาต์ด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ ฟีฟ่ายังแถลงว่าการแข่งขันฟุตบอลโลก 2026 นัดชิงชนะเลิศจะแข่งในวันที่ 19 กรกฎาคมของปี 2026
อ้างอิง: