วันนี้ (4 พฤศจิกายน) สำนักข่าว BBC รายงานว่า สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ได้ส่งจดหมายถึงทั้ง 32 ทีมที่เข้าร่วมการแข่งขันกันในฟุตบอลโลก 2022 โดยบอกให้พวกเขา ‘โฟกัสไปที่ฟุตบอล’ หลังจากที่มีหลายชาติแสดงความไม่พอใจในประเด็นทางสังคมของเจ้าภาพกาตาร์
กาตาร์ถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงจุดยืนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเพศเดียวกัน ประวัติอันไม่ค่อยดีนักด้านสิทธิมนุษยชน รวมถึงการปฏิบัติต่อแรงงานข้ามชาติที่ใช้ในการก่อสร้างสนามแข่งขันที่ใช้ในฟุตบอลโลกครั้งนี้
จดหมายของฟีฟ่าย้ำเตือนทั้ง 32 ชาติว่าไม่ควร ‘ดึง’ ฟุตบอลเข้าสู่การต่อสู้ทางอุดมการณ์หรือทางการเมือง และไม่ควร ‘ประจานด้วยบทเรียนทางศีลธรรม’
โดยจดหมายที่ลงนามโดย จานนี อินฟานติโน ประธานฟีฟ่า และ ฟัตมา ซามูรา เลขาธิการทั่วไป ระบุว่า “เรารู้ว่าฟุตบอลไม่ได้อยู่อย่างสูญเปล่า และเราตระหนักดีว่ายังมีความท้าทายและความยากลำบากมากมายในธรรมชาติทางการเมืองอยู่รอบตัวทั่วโลก แต่ได้โปรดอย่าปล่อยให้ฟุตบอลถูกลากเข้าไปในทุกการต่อสู้ทางอุดมการณ์หรือทางการเมืองที่มีอยู่
“พวกเรา ฟีฟ่า พยายามเคารพความคิดเห็นและความเชื่อทั้งหมด โดยไม่ประจานด้วยบทเรียนทางศีลธรรมกับส่วนอื่นๆ ของโลก ไม่มีใคร หรือวัฒนธรรม หรือชาติใด ‘ดี’ ไปกว่ากัน หลักการนี้เป็นรากฐานที่สำคัญมากของการเคารพซึ่งกันและกัน และไม่เลือกปฏิบัติ
“และนี่ก็เป็นหนึ่งในค่านิยมหลักของฟุตบอล ดังนั้น ขอให้ทุกคนจำไว้ และปล่อยให้ฟุตบอลเข้ามาเป็นศูนย์กลาง
“เรามีโอกาส และนับเป็นโอกาสพิเศษในการต้อนรับและโอบกอดทุกคน โดยไม่คำนึงถึงถิ่นกำเนิด ภูมิหลัง ศาสนา เพศ รสนิยมทางเพศ หรือสัญชาติ”
ก่อนหน้านี้มีผู้เล่นหลายคนจากหลายชาติวางแผนประท้วงการเป็นเจ้าภาพของกาตาร์ ด้วยวิธีการแสดงออกทางสัญลักษณ์อย่างสันติ
หนึ่งในนั้นคือ แฮร์รี เคน กัปตันทีมชาติอังกฤษ และกัปตันทีมชาติจากยุโรปอีก 9 ชาติ ตกลงร่วมกันที่จะสวมปลอกแขน ‘One Love’ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์หัวใจหลากสี เพื่อต่อต้านเรื่องการเหยียดเพศทางเลือก
ขณะที่เดนมาร์กก็เลือกจะสวมชุดแข่งที่ซ่อนตราสัญลักษณ์ทีมชาติและแบรนด์ผู้ผลิต เพื่อต้องการแสดงออกว่าพวกเขาไม่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
ส่วนทีมชาติออสเตรเลียได้เผยแพร่วิดีโอเรียกร้องให้กาตาร์ยกเลิกกฎหมายว่าด้วยข้อห้ามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเพศเดียวกัน
และทางกรุงปารีสรวมไปถึงเมืองอื่นๆ ในฝรั่งเศส ปฏิเสธที่จะถ่ายทอดแมตช์การแข่งขันในที่สาธารณะ แม้ว่าฝรั่งเศสจะเข้าสู่ฟุตบอลโลกครั้งนี้ในฐานะแชมป์เก่าก็ตาม
อ้างอิง: