ไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยยังมีแนวโน้มเป็นขาขึ้นในช่วง 12 เดือนข้างหน้านี้ โดยเป้าหมายของดัชนี SET ในปี 2565 มีโอกาสจะขยับขึ้นไปที่ระดับ 1,800 จุด หากรัฐบาลมีมาตรการดูแลและสนับสนุนเศรษฐกิจต่อเนื่อง โดยต้องวางแผนล่วงหน้าว่าปีหน้าจะกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างไร สำหรับปัจจัยสนับสนุนการปรับขึ้นของตลาดหุ้นไทย ได้แก่ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การฟื้นตัวของกำไรบริษัทจดทะเบียน อัตราเร่งในการฉีดวัคซีน แนวโน้มการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว และการไหลเข้าของเงินลงทุนต่างชาติ
ส่วนความเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การกระจายวัคซีนให้ได้ตามแผน ประสิทธิภาพของวัคซีนในการป้องกันเชื้อกลายพันธุ์ และจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาในปีหน้า
อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อตลาดหุ้นไทยในช่วง 3 เดือนข้างหน้าปรับลดลงมา สะท้อนจากดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) อยู่ที่ระดับ 106.05 ลดลง 16.1% จากเดือนก่อนหน้า และเป็นการลดลงสู่ระดับทรงตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน จากที่อยู่ในเกณฑ์ร้อนแรงมาต่อเนื่อง
สำหรับปัจจัยที่นักลงทุนกังวลมากที่สุดคือสถานการณ์ระบาดของโควิดระลอกปัจจุบันที่ยืดเยื้อ โดยหมวดธุรกิจที่นักลงทุนสนใจมากที่สุดคือหมวดการแพทย์ (HEALTH) ขณะที่หมวดแฟชั่น (FASHION) เป็นหมวดที่นักลงทุนสนใจน้อยที่สุด
ด้าน บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่า ประมาณการกำไรปี 2564-2565 ของบริษัทจดทะเบียนไทยซึ่งประเมินในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ถูกปรับขึ้นต่อเนื่องสู่ระดับ 83.55 บาทต่อหุ้น และ 95.94 บาทต่อหุ้น ตามลำดับ โดยกลุ่มที่ถูกปรับประมาณการขึ้นมากที่สุด ได้แก่ กลุ่มขนส่ง (TRANS) เพิ่มขึ้น 11.7% ส่วนหุ้นที่ถูกปรับคาดการณ์กำไรขึ้นมากคือ บมจ.ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ (III) ส่วน บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) ถูกปรับลงแรง
ถัดมาคือกลุ่มปิโตรเคมี (PETRO) ถูกปรับประมาณการขึ้น 4.7% หนุนจาก บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) และ บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) และกลุ่มสินค้าเกษตร (AGRI) ถูกปรับขึ้น 3.6% จากแรงหนุนของ บมจ.ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี (STA)
กลับกันกลุ่มที่ถูกปรับคาดการณ์กำไรลงมากที่สุด ได้แก่ กลุ่มโรงแรม (HOTEL) ลดลง 16.9% ถ่วงจาก บมจ.เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท (SHR) และ บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป (ERW) เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิดระลอกใหม่ทำให้อัตราการเข้าพักของกลุ่มโรงแรมล่าสุดลดลงมาใกล้กับระดับช่วงการระบาดระลอกแรกอีกครั้ง
ส่วนกลุ่มอื่นๆ ที่ถูกปรับคาดการณ์กำไรลงเล็กน้อย ได้แก่ พาณิชย์ (COMM) ลดลง 3% กลุ่มรีท (PF&REIT) ลดลง 1.7% และกลุ่มการแพทย์ (HEALTH) ลดลง 1.3%
พิสูจน์อักษร: นัฐฐา สอนกลิ่น