รองประธาน Fed ห่วงปัญหาการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานที่ยืดเยื้ออาจส่งผลต่อผลผลิตอย่างต่อเนื่อง และเสี่ยงที่จะผลักดันการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อให้สูงกว่าเป้าหมายต่อไป จนบีบบังคับทำให้เจ้าหน้าที่ต้องใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นเพื่อจัดการความเสี่ยง
เลล เบรนาร์ด รองประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ Fed ต้องเตรียมตั้งรับความเสี่ยงว่าการคาดการณ์เงินเฟ้อจะสูงกว่าเป้าหมายที่ 2% ในโลกที่อัตราเงินเฟ้ออาจมีเสถียรภาพน้อยกว่าในทศวรรษที่ผ่านมา
โดยในคำปราศรัยของเบรนาร์ดกล่าวว่า “ท่ามกลางปัญหาด้านห่วงโซ่อุปทานที่ยืดเยื้อและอัตราเงินเฟ้อที่สูง สิ่งสำคัญสำหรับนโยบายการเงินคือการจัดการความเสี่ยงเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้คาดการณ์เงินเฟ้ออยู่เหนือเป้าหมาย” พร้อมทั้งกล่าวอีกว่า การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานอาจทำให้เจ้าหน้านี้ต้องใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นเพื่อฟื้นฟูความสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทาน
ในปีนี้ Fed ได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วและแรง เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี โดยในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ครั้งต่อไป ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 13-14 ธันวาคม ตลาดต่างคาดการณ์ว่า Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ชะลอตัวลงหลังจากเพิ่มขึ้น 0.75% ติดต่อกัน 4 ครั้ง
“อุปทานที่ไม่ยืดหยุ่นคือสิ่งที่ทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังการระบาดแตกต่างจากเมื่อ 30 ปีก่อน และแม้ว่าข้อจำกัดดังกล่าวจะเกิดขึ้นชั่วคราวก็ตาม โดยยิ่งภาวะนี้ยืดเยื้อออกไปนานเท่าไร ก็จะยิ่งส่งผลต่อศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจมากขึ้นเท่านั้น” เบรนาร์ดกล่าว
นอกจากนี้รองประธาน Fed ยังมองว่ามีความเป็นไปได้เช่นกันที่การเปลี่ยนแปลงในระยะยาว เช่น การเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวข้องกับปัญหาการขาดแคลนแรงงาน การเคลื่อนย้ายของห่วงโซ่อุปทาน และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อาจลดความยืดหยุ่นของอุปทานและเพิ่มความผันผวนของอัตราเงินเฟ้อในอนาคต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ซีอีโอ JPMorgan เตือน เศรษฐกิจสหรัฐฯ และโลกจะเข้าสู่ภาวะถดถอยภายใน 6-9 เดือน
- หุ้นสหรัฐฯ พลิกกลับมาปิดบวกถึง 800 จุด จากที่ร่วงหนักกว่า 500 จุด หลังการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ก.ย.
- สหรัฐฯ รายงานเงินเฟ้อเดือน ก.ย. ที่ 8.2% สูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ หุ้นสหรัฐฯ ดิ่งทันที!
อ้างอิง:
