Goldman Sachs วาณิชธนกิจชื่อดังของสหรัฐอเมริกา ออกมาคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะไม่ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลงจนกว่าจะถึงปี 2024 โดยประเมินว่า Fed จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 4 ครั้ง ระหว่างปัจจุบันไปจนถึงสิ้นปี 2023 ประกอบด้วยการปรับขึ้น 0.75% หนึ่งครั้งในการประชุมที่กำลังจะมาถึงในสัปดาห์นี้ และจะปรับขึ้น 0.50% สองครั้งในการประชุมในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม ก่อนจะปรับขึ้นอีก 0.25% หนึ่งครั้งในปีหน้า
บทวิเคราะห์ของ Goldman Sachs ระบุว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยทั้ง 4 ครั้ง จะทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของ Fed เพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 4.25- 4.50% และคาดว่า Fed จะคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับดังกล่าวเพื่อจัดการกับภาวะเงินเฟ้อที่รุนแรงที่สุดในรอบ 40 ปี ไปจนถึงปี 2024 เป็นอย่างน้อย ก่อนที่จะมีการปรับลดดอกเบี้ยลงมา
“เราเห็นเหตุผลหลายประการที่จะทำให้ Fed เปลี่ยนแปลงแผน เช่น ตลาดทุนขู่ว่าจะยกเลิกเงื่อนไขทางการเงินที่ตึงตัวบางอย่างซึ่ง Fed ได้ออกแบบไว้ ความเข้มแข็งของตลาดแรงงานช่วยลดความกลัวที่จะต้องใช้นโยบายที่เข้มงวดเกินไปในตอนนี้ ขณะที่เจ้าหน้าที่ของ Fed บางรายได้มีการประเมินอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่น่าจะเริ่มลดการดำเนินนโยบายการเงินได้ หรือ Neutral Rate ใหม่แล้ว” Jan Hatzius นักวิเคราะห์ของ Goldman Sachs เขียนในรายงาน
ก่อนหน้านี้ Goldman Sachs ได้เคยประเมินไว้ว่า Fed จะเริ่มลดความแรงในการขึ้นดอกเบี้ยหลังเดือนกรกฎาคม แต่มุมมองดังกล่าวได้เปลี่ยนไปเมื่อตัวเลขเงินเฟ้อในเดือนสิงหาคมของสหรัฐฯ ออกมาร้อนแรงกว่าที่คาดไว้ โดยเงินเฟ้อในเดือนสิงหาคมยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 8.3% และปรับเพิ่มขึ้น 0.1% จากเดือนกรกฎาคม
ตัวเลขเงินเฟ้อดังกล่าวทำให้ตลาดกังวลว่า Fed จะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยในระดับที่แรงต่อไป ซึ่งส่งผลให้ดัชนี Dow Jones ร่วงลงถึง 1,276 จุด ซึ่งเป็นการปรับลดลงที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน ปี 2020
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ธนาคารกลางในประเทศเศรษฐกิจสำคัญส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องสยบเงินเฟ้อตามรอย Fed
- วิเคราะห์ 5 สัญญาณ บ่งชี้ เงินเฟ้อ โลกใกล้ถึงจุดพีค
- 10 อันดับ สกุลเงินเอเชีย ที่อ่อนค่าสูงสุดนับจากต้นปี 2565
อ้างอิง: