ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เปิดเผยรายงานการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) เมื่อวันที่ 14-15 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งที่ประชุมได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ แม้ว่ามาตรการที่นำมาใช้จะทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ชะลอตัวลงก็ตาม
บรรดาสมาชิก FOMC กล่าวอีกว่า ในการประชุมที่กำลังจะมีขึ้นในเดือนกรกฎาคมนี้ Fed มีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.50-0.75 % อีกระลอก หากว่าเงินเฟ้อยังไม่มีทีท่าว่าจะลดความร้อนแรงลง
รายงานการประชุมระบุว่า นอกจากการหารือเกี่ยวกับการดำเนินการตามนโยบายที่อาจเกิดขึ้นในการประชุม ทางสมาชิกยังได้คาดการณ์ว่า การเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงเป้าหมายสำหรับอัตราเงินกองทุนของรัฐบาลกลางที่จะเหมาะสม เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของคณะกรรมการ รวมถึงความเป็นไปได้สูงที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกระลอกในการประชุมที่กำลังจะเกิดขึ้น
ที่ประชุมยังใช้โอกาสนี้ชี้แจงปกป้องการตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในเดือนมิถุนายน ว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อควบคุมไม่ให้ค่าครองชีพแพงเกินไป หลังตัวเลขเงินเฟ้อพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ปี 1981 พร้อมให้คำมั่นว่า Fed จะเดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่เพื่อรั้งเงินเฟ้อกลับมาอยู่ในเป้าหมายที่วางไว้ 2%
รายงานระบุอีกว่า สมาชิก FOMC ต่างเห็นพ้องต้องกันว่าแนวโน้มเศรษฐกิจจำเป็นต้องเคลื่อนไหวไปสู่จุดยืนของการใช้นโยบายที่เข้มงวด ก่อนยอมรับว่าการเดินหน้าสกัดเงินเฟ้อครั้งนี้มีราคาที่ต้องจ่าย และทางสมาชิกคณะกรรมการต่างรับทราบว่าการกำหนดนโยบายที่เข้มงวดอาจชะลอการเติบโตทางเศรษฐกิจชั่วขณะหนึ่ง แต่การทำให้อัตราเงินเฟ้อกลับคืนสู่ระดับ 2% นั้นมีความสำคัญยิ่งกว่า
ขณะเดียวกัน ทางด้าน David Bianco หัวหน้าเจ้าหน้าที่การลงทุนสำหรับภูมิภาคอเมริกาของ DWS Group กล่าวว่า ทีมของเขาได้ปรับลดการคาดการณ์ GDP ของสหรัฐฯ ลงหลายครั้งตลอดทั้งปี โดยชี้ให้เห็นว่าที่ผ่านมานักลงทุนและนักเศรษฐศาสตร์มองภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐฯ ว่าแข็งแกร่ง เพราะมัวแต่ไปให้ความสำคัญกับฝั่งดีมานด์ของผู้บริโภค ซึ่งแข็งแกร่งดีเพราะมาตรการกระตุ้นของรัฐบาลสหรัฐฯ แต่กลับลืมคิดไปว่าปัญหาของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ครั้งนี้ที่ทำให้เงินเฟ้อพุ่งแรงมีต้นตอจากฝั่งซัพพลายเป็นหลัก
นักวิเคราะห์อีกส่วนหนึ่งชี้ว่า ปัญหาของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในขณะนี้ ไม่ใช่แค่เรื่องของเงินเฟ้อ แต่เป็นปัญหาในเรื่องของโมเมนตัมที่ไม่รู้ว่าควรจะขยับไปในทิศทางไหนดีกว่ากัน เพราะแต่ละทางก็ล้วนแต่หนีไม่พ้นต้องเจ็บตัว กล่าวคือ หากไม่ขึ้นดอกเบี้ยเงินเฟ้อก็จะสูงขึ้น แต่ขึ้นดอกเบี้ยก็จะทำให้เศรษฐกิจต้องชะลอตัวอาจถึงขั้นถดถอย ขณะเดียวกัน หากลดความช่วยเหลือภาครัฐฯ ประชาชนและรายย่อยที่ยังบอบช้ำจากโควิดก็อาจจะไม่สามารถยืนหยัดอยู่ได้ ยังไม่นับถึงปัญหาหนี้และการขาดดุลงบประมาณสะสมมหาศาล ที่จะสร้างข้อจำกัดในการกำหนดนโยบายของรัฐบาลกลางในอนาคต
อ้างอิง:
- https://www.cnbc.com/2022/07/06/fed-minutes-june-2022.html
- https://edition.cnn.com/2022/07/06/investing/premarket-stocks-trading/index.html
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP