ผลการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีมติเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 22 ปี และเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ท่ามกลางฉากหลังของเศรษฐกิจและตลาดแรงงานที่กำลังเติบโต และอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงสูงกว่าเป้าหมายของ Fed
นี่ถือเป็นการตรึงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่ Fed ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมา 11 ครั้งนับตั้งแต่ที่เริ่มวัฏจักรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมีนาคม 2022
ทั้งนี้ ในแถลงการณ์หลังการประชุมซึ่งเสร็จสิ้นในวันพุธที่ 1 พฤศจิกายน Fed ระบุว่าธนาคารกลางจะคงระดับอัตราดอกเบี้ยสูงระดับปัจจุบันต่อไป แต่อย่างไรก็ตาม ยังส่งสัญญาณความเป็นไปได้ที่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในการประชุมครั้งถัดไปหากมีความจำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีแรงกดดันจากเงินเฟ้อในอนาคต
เจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed ระบุภายหลังการประชุมว่า อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูงในระยะยาวจะทำให้การขยายตัวของเศรษฐกิจชะลอตัวลงได้ และยอมรับว่า Fed ยังคงไม่มั่นใจว่าอัตราดอกเบี้ยในขณะนี้สูงจนถึงระดับที่ว่านั้นแล้วหรือยัง
นอกจากนี้ พาวเวลล์ยังย้ำว่า กระบวนการปรับลดอัตราเงินเฟ้ออย่างยั่งยืนลงเหลือ 2% ตามเป้าของ Fed ยังคงเป็นหนทางอีกยาวไกล พร้อมชี้ว่า Fed ยังไม่ได้ทำการตัดสินใจใดๆ สำหรับการประชุมเดือนธันวาคม อย่างไรก็ตาม ทางคณะกรรมการฯ ยังไม่ได้พิจารณาหรือหารือเรื่องการลดอัตราดอกเบี้ยในขณะนี้
นอกเหนือจากการหารือเรื่องทิศทางแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยแล้ว ที่ประชุมยังได้พูดคุยแลกเปลี่ยนแนวโน้มทิศทางเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐฯ ซึ่ง Fed ได้ยกระดับการประเมินเศรษฐกิจโดยทั่วไป
ทั้งนี้ ถ้อยแถลงหลังการประชุม Fed ล่าสุด ระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่งในไตรมาสที่ 3 เมื่อเทียบกับคำแถลงเมื่อเดือนกันยายนที่กล่าวว่าเศรษฐกิจขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง ขณะที่สถานการณ์การจ้างงานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้ปรับตัวลดลงจากต้นปี แต่โดยรวมยังคงแข็งแกร่ง
รายงานระบุว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP ของสหรัฐฯ สามารถขยายตัวในอัตรา 4.9% ต่อปีในไตรมาสที่ 3 ซึ่งแข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้า ขณะที่การเติบโตของการจ้างงานนอกภาคเกษตรมีจำนวนทั้งสิ้น 336,000 รายในเดือนกันยายน ซึ่งสูงกว่าแนวโน้มที่นักวิเคราะห์ในตลาดวอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้เช่นเดียวกัน
การตัดสินใจของ Fed ล่าสุดมาพร้อมกับสถานการณ์ที่อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ชะลอตัวลงหลังพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบหลายสิบปี ขณะที่ตลาดแรงงานยังมีความยืดหยุ่นอย่างน่าประหลาดใจ แม้จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องเพื่อผ่อนคลายการเติบโตทางเศรษฐกิจหลายครั้งแล้วก็ตาม
ปัจจุบันอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของสหรัฐฯ อยู่ที่ 3.7% ต่อปี ซึ่งแม้จะมีการลดลงอย่างต่อเนื่องในปีนี้ แต่ระดับเงินเฟ้อดังกล่าวก็ถือว่าสูงกว่าเป้าหมายประจำปีที่ 2% ซึ่ง Fed ยอมรับว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่งแม้จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งแล้วก็ตาม ดังนั้นจึงอาจกระตุ้นให้คณะกรรมการกำกับนโยบายการเงินของ Fed มีท่าทีเข้มงวดยืดเยื้อเป็นเวลานาน
อ้างอิง: