เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) แสดงจุดยืนเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยระหว่างขึ้นกล่าวถ้อยแถลงที่สมาคมเศรษฐกิจแห่งวอชิงตัน ดี.ซี. (Economic Club of Washington, D.C.) เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (15 กรกฎาคม) โดยระบุว่า Fed จะไม่รอจนกว่าตัวเลขอัตราเงินเฟ้อปรับลดลงสู่ระดับเป้าหมาย 2% ก่อนที่จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย
นับเป็นการแสดงท่าทีที่ค่อนข้างชัดเจนสำหรับตลาดที่รอลุ้นมาโดยตลอดว่า Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในช่วงเวลาใด อีกทั้งยังเป็นการตอกย้ำถ้อยแถลงที่พาวเวลล์กล่าวในแถลงการณ์รอบครึ่งปี ว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ต่อคณะกรรมาธิการบริหารการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ทั้งนี้ ในถ้อยแถลงล่าสุดเมื่อวันจันทร์ (15 กรกฎาคม) พาวเวลล์อธิบายว่า การรอให้อัตราเงินเฟ้อลดลงถึงเป้า 2% อาจนานเกินไป เนื่องจากมาตรการคุมเข้มทางการเงินที่กำลังใช้อยู่จะยังคงส่งผลกระทบที่อาจทำให้เงินเฟ้อลดลงต่ำกว่า 2% ดังนั้น สิ่งที่ Fed กำลังมองหาก็คือ ‘ความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้น’ ว่าเงินเฟ้อจะปรับตัวกลับสู่ระดับ 2% อย่างแน่นอน และสิ่งที่จะเพิ่มความเชื่อมั่นดังกล่าวก็คือข้อมูลปัจจัยบวกของเงินเฟ้อจำนวนมากขึ้น ซึ่งพาวเวลล์ยอมรับว่า เริ่มมองเห็นข้อมูลเงินเฟ้อที่ดีดังกล่าวแล้วเมื่อไม่นานมานี้
ขณะเดียวกัน พาวเวลล์ยังแสดงความเห็นเกี่ยวกับสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐฯ โดยยืนยันว่า ตนเองไม่คิดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเผชิญกับภาวะดิ่งลงอย่างรุนแรง หรือ Hard Landing หลังตัวเลขรายงานทิศทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยรวมยังคงบ่งชี้ถึงการขยายตัวเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง
ทั้งนี้ ถ้อยแถลงเมื่อวันจันทร์ของพาวเวลล์ นับเป็นการปรากฏตัวในที่สาธารณะครั้งแรกของเจ้าตัว หลังจากที่รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือนมิถุนายนแสดงให้เห็นว่า อัตราเงินเฟ้อยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ในช่วงต้นของการขึ้นกล่าวถ้อยแถลงเมื่อวันจันทร์ พาวเวลล์ยังย้ำชัดว่า ตนเองไม่ได้ตั้งใจส่งสัญญาณใดๆ ว่า Fed จะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อใด โดยการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายการเงิน Fed ครั้งต่อไปคือปลายเดือนกรกฎาคม ท่ามกลางความคาดหวังของนักวิเคราะห์ว่า Fed จะมีการส่งสัญญาณการตัดลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงเดือนกันยายนที่ชัดเจนมากขึ้น
อ้างอิง: