ค่าเงินบาทยังคงอ่อนค่าลงต่อเนื่อง นับจากตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ในเดือนพฤษภาคมออกมาสูงกว่าคาด ซึ่งส่งผลให้ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อาจเร่งขึ้นดอกเบี้ยถึง 0.75% ในการประชุมที่กำลังจะมาถึง
โดยในวันนี้ (14 มิถุนายน) เงินบาทอ่อนค่าสูงสุดไปแตะระดับ 34.98 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับอ่อนค่าสุดในรอบกว่า 5 ปี คิดเป็นการอ่อนค่าไปแล้วถึง 30 สตางค์นับตั้งแต่ตัวเลขเงินเฟ้อในเดือนล่าสุดของสหรัฐฯ ถูกเผยแพร่ออกมา โดยหากนับตั้งแต่ต้นปี 2565 เงินบาทจะอ่อนค่าลงไปแล้วกว่า 3.6%
รุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการสายงานวางแผนโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ระบุว่า ปัจจัยที่กดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงต่อเนื่องในช่วงนี้คือการที่ตลาดมีมุมมองว่า Fed อาจเร่งขึ้นดอกเบี้ยรุนแรง ซึ่งเห็นได้จากบอนด์ยีลด์ของสหรัฐฯ ที่ขยับขึ้นไปรอแล้ว
รุ่งกล่าวอีกว่า ทิศทางของค่าเงินบาทในระยะสั้นจะขึ้นอยู่กับผลการประชุม FOMC โดยหาก Fed ตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยที่ระดับ 0.75% ตามที่คาดการณ์ เงินบาทก็น่าจะเคลื่อนไหวในลักษณะ Sideway โดยมีความเป็นไปได้ที่ทางการอาจเข้ามาดูแลไม่ให้หลุดจากกรอบ 35 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับที่อาจส่งผลทางจิตวิทยา ก่อให้เกิดภาวะตื่นตระหนก
ส่วนกรณีที่ Fed ปรับขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.50% ก็จะส่งผลดีต่อสินทรัพย์เสี่ยงในภาพรวม ทำให้เงินบาทอาจกลับมาแข็งค่าที่ระดับ 34.50 บาทต่อดอลลาร์ ในทางกลับกันหาก Fed เซอร์ไพรส์ตลาดด้วยการขึ้นดอกเบี้ย 1% ในคราวเดียว ก็จะทำให้เงินบาทอ่อนค่าไปสู่ระดับ 35.30 บาทต่อดอลลาร์ได้เช่นกัน ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่าทั้งสองฉากทัศน์นี้มีความเป็นไปได้น้อย
รุ่งประเมินว่า โมเมนตัมการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed อาจกดดันให้ค่าเงินบาทอยู่ในทิศทางอ่อนค่าไปจนถึงไตรมาส 3 ก่อนที่เงินบาทจะเริ่มแข็งค่าขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้าย จากอานิสงค์ของภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว ซึ่งจะทำให้ดุลบริการของไทยกลับมาเกินดุล โดยมีปัจจัยเรื่องราคาน้ำมันที่น่าจะชะลอตัวลง รวมถึงท่าทีที่ชัดเจนขึ้นของ Fed เข้ามาหนุน
“เงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นในช่วงปลายปี 2565 จากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้น และดุลบัญชีเดินสะพัดที่จะปรับดีขึ้นตามดุลภาคบริการ แม้ว่าการแข็งค่าอาจจะไม่ถึงระดับ 33.50 บาทที่เราเคยมองไว้ แต่ก็จะแข็งค่าขึ้นจากปัจจุบัน” รุ่งกล่าว
ขณะที่ กอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย ประเมินว่า แรงกดดันจากการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed อาจส่งผลให้ค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในทิศทางอ่อนค่า โดยมีโอกาสอ่อนค่าลงไปทดสอบได้ถึงระดับ 35.20-35.30 บาทต่อดอลลาร์ เนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบัน การเลือกถือเงินดอลลาร์แทนเป็นทางเลือกที่ดีกว่าสินทรัพย์เสี่ยง
“เมื่อการประชุม FOMC ผ่านไป อัตราแลกเปลี่ยนจะกลับมาผันผวนอีก เพราะจะมีทั้งฝ่ายที่ออกมาบอกให้ Fed ขึ้นดอกเบี้ยแรงต่อ และฝ่ายที่บอกให้ทยอยปรับขึ้น สำหรับค่าเงินบาทมองว่ายังมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นในช่วงปลาย ตามการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว โดยเงินบาท ณ สิ้นปีน่าจะอยู่ที่ 33.50 บาทต่อดอลลาร์” กอบสิทธิ์กล่าว
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP
