เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ส่วนใหญ่ยังคงคาดการณ์ว่า อัตราดอกเบี้ยจะถูกปรับลดลง 2 ครั้งในปี 2025 แต่ข้อมูลคาดการณ์ล่าสุดสะท้อนให้เห็นถึงความเห็นที่แตกต่างกันมากขึ้นในหมู่ผู้กำหนดนโยบายเกี่ยวกับทิศทางของดอกเบี้ยในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผลกระทบจากภาษีศุลกากรที่โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดี ประกาศใช้ในเดือนเมษายนเริ่มแทรกซึมเข้าสู่เศรษฐกิจสหรัฐฯ
คณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) มีมติเป็นเอกฉันท์เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (18 มิถุนายน) ตามเวลาท้องถิ่น ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ช่วง 4.25-4.5% ซึ่งเป็นระดับที่คงอยู่มาตั้งแต่ต้นปีนี้
พร้อมกันนี้ Fed ยังเปิดเผยประมาณการเศรษฐกิจชุดใหม่ ซึ่งเป็นชุดแรกนับตั้งแต่ ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีนำเข้า โดยคาดว่าเศรษฐกิจปีนี้จะเติบโตช้าลง อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น และการว่างงานเพิ่มขึ้น
เจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed แถลงกับผู้สื่อข่าวหลังการประชุม โดยย้ำว่าธนาคารกลาง “อยู่ในจุดที่สามารถรอดูทิศทางของเศรษฐกิจให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ก่อนที่จะพิจารณาปรับเปลี่ยนนโยบายใดๆ”
การคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยที่ Fed เปิดเผยควบคู่กับการตัดสินใจล่าสุดแสดงให้เห็นถึงความเห็นที่แตกแยกมากขึ้นในหมู่เจ้าหน้าที่นโยบายการเงิน
ขณะนี้มีเจ้าหน้าที่ 7 คนที่ไม่คาดว่าจะมีการลดดอกเบี้ยใดๆ ภายในปีนี้ เพิ่มขึ้นจาก 4 คนเมื่อเดือนมีนาคม ขณะที่อีก 2 คนคาดว่าจะมีการลดดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียว ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่อีก 10 คนเห็นว่าควรมีการปรับลดดอกเบี้ยอย่างน้อย 2 ครั้งก่อนสิ้นสุดปี 2025
ในแถลงการณ์หลังการประชุมครั้งล่าสุด คณะกรรมการนโยบายการเงินของ Fed ได้ตัดข้อความจากการประชุมครั้งก่อนที่ระบุว่า “ความเสี่ยงต่อการว่างงานและเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น” ออกไป และระบุแทนว่า ความไม่แน่นอนต่อแนวโน้มเศรษฐกิจลดลงบ้างแต่ยังคงอยู่ในระดับสูง
เจ้าหน้าที่ Fed และนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า การใช้นโยบายภาษีอย่างกว้างขวางของรัฐบาลทรัมป์จะถ่วงการเติบโตทางเศรษฐกิจ และเพิ่มแรงกดดันต่อเงินเฟ้อ แนวโน้มดอกเบี้ยที่เจ้าหน้าที่ Fed คาดการณ์ไว้สอดคล้องกับความคาดหวังของนักลงทุนก่อนหน้าการประชุม ซึ่งยังเชื่อว่า Fed จะปรับลดดอกเบี้ยลง 2 ครั้งในปีนี้
โดยการปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกน่าจะเกิดขึ้นในเดือนกันยายนในการปรับประมาณการเศรษฐกิจล่าสุด เจ้าหน้าที่ Fed ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อ ณ สิ้นปี 2025 จากเดิม 2.7% เป็น 3% ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากนโยบายการค้าของทรัมป์ และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ทวีความรุนแรง
ขณะเดียวกัน ก็ปรับลดการเติบโตทางเศรษฐกิจ ในปี 2025 ลงเหลือ 1.4% จากเดิม 1.7% พวกเขายังคาดว่าอัตราการว่างงาน ณ สิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 4.5% ซึ่งสูงขึ้นเล็กน้อยจากการประเมินครั้งก่อน สะท้อนถึงความท้าทายที่ซับซ้อนซึ่งผู้กำหนดนโยบายของ Fed ต้องเผชิญ
เจ้าหน้าที่ Fed ยังคาดว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคพื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่รวมอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้นในอัตรา 3.1% ภายในปี 2025 ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์เมื่อเดือนมีนาคมที่ระดับ 2.8% พาวเวลล์กล่าวในงานแถลงข่าวหลังการประชุมว่า การที่ความคาดหวังเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นในช่วงหลัง อาจมีความเชื่อมโยงกับผลกระทบจากมาตรการเก็บภาษีศุลกากร
เจ้าหน้าที่ Fed ยังคงระมัดระวังที่จะลดอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากกังวลว่าภาษีศุลกากรของ Trump อาจทำให้เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นอีกครั้งในช่วงเดือนข้างหน้า
ขณะที่ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่านก็เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญอีกประการหนึ่ง เพราะราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอาจทำให้ Fed ไม่สามารถผ่อนคลายนโยบายได้ตามต้องการ
อย่างไรก็ตาม Dot Plot ซึ่งสะท้อนความคาดหวังของสมาชิกแต่ละคนในคณะกรรมการนโยบายการเงิน ชี้ว่าเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่คาดว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะลดลงเหลือประมาณ 3.9% ภายในสิ้นปี 2025 หรือเทียบเท่ากับช่วงเป้าหมาย 3.75-4% ซึ่งหมายถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้
อ้างอิง: