ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (Fed) เปิดเผยรายงานการประชุมของคณะกรรมการกำกับนโยบายการเงิน (Minutes) ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคม ซึ่งสะท้อนให้เห็นความกังวลต่อสถานการณ์เงินเฟ้อ โดยระบุว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจมีความจำเป็นในอนาคต เว้นแต่เงื่อนไขทางเศรษฐกิจจะเปลี่ยนแปลงไปในทางบวกจากสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน
ทั้งนี้ ในการประชุม Fed ล่าสุด ที่ประชุมได้ลงมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ท่ามกลางความคาดหวังของตลาดโดยทั่วไปว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งสุดท้าย แต่สมาชิก Fed ที่เข้าร่วมประชุมส่วนใหญ่กลับแสดงให้เห็นความกังวลว่าการต่อสู้กับเงินเฟ้อยังไม่จบสิ้น และอาจต้องมีการดำเนินการที่รัดกุมเพิ่มเติม
เนื้อความในรายงานสรุปว่า เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังคงสูงกว่าเป้าหมายระยะยาวของ Fed บวกกับตลาดแรงงานที่ยังตึงตัวอยู่ ดังนั้น Fed จึงยังคงเห็นความเสี่ยงขาขึ้นที่สำคัญต่ออัตราเงินเฟ้อ ทำให้อาจต้องมีการเพิ่มความเข้มงวดของนโยบายการเงินเพิ่มเติม
ทั้งนี้ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยล่าสุดทำให้อัตราดอกเบี้ยสำหรับการกู้ยืมอยู่ในช่วงเป้าหมายระหว่าง 5.25-5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 22 ปี
อย่างไรก็ดี มีสมาชิกบางคนของ Fed ที่มองว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจไม่จำเป็น แต่รายงานการประชุมก็เตือนให้ระมัดระวังสถานการณ์เงินเฟ้อ หลังมีแรงกดดันจากหลายตัวแปร และย้ำว่าการตัดสินใจในอนาคตจะขึ้นอยู่กับข้อมูลที่เข้ามา ดังนั้นจึงอาจมีความเป็นที่ Fed ต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม โดยการคุมอัตราเงินเฟ้อได้กลับสู่เป้าหมาย 2% ยังคงเป็นประเด็นสำคัญที่ Fed ให้น้ำหนักมากที่สุด
อ้างอิง: