เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว ขณะที่ Facebook เตรียมตัวเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ได้เขียนจดหมายถึงนักลักทุนเพื่ออธิบายวิสัยทัศน์ของเขากับบริษัท และในตอนนั้นทั้งหมดมันเกี่ยวกับการช่วยให้ผู้คนสร้างความสัมพันธ์กับเพื่อนฝูงเท่านั้น ซึ่งข้อมูลบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
แต่ส่วนที่สำคัญที่สุดของจดหมายคือ การที่มาร์กเตือนนักลงทุนว่า Facebook มิได้มีขึ้นเพื่อสร้างรายได้ แต่มีขึ้นเพื่อเปลี่ยนโลกเท่านั้น และการทำเงินจะช่วยให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นจริง
Facebook ยังคงสร้างรายได้อย่างมหาศาล โดยกำไรอยู่ที่ราว 4.4 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสนี้ และมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานอยู่ที่ 9.6 พันล้านดอลลาร์ ตัวเลขเหล่านี้แย่กว่าที่พวกเขาคาดการณ์ไว้เมื่อปีที่แล้ว แต่ก็มากเกินพอที่จะสนับสนุนวิสัยทัศน์ 10 ปีข้างหน้าของมาร์ก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ผู้นำที่เลวร้าย! ผู้เชี่ยวชาญฮาร์วาร์ดวิเคราะห์ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก คือต้นเหตุที่ทำให้ Facebook หลงทาง
- Facebook เสี่ยงเป็น ‘เทคโนโลยีไดโนเสาร์’ ตัวถัดไป หลังหลุดตำแหน่ง 20 บริษัทใหญ่สุดของโลก มาร์เก็ตแคปหายไปแล้ว 25.6 ล้านล้านบาทปีนี้
- Metaverse ยังเป็นความหอมหวานที่ควรค่าแก่การรอหรือไม่? เมื่อ ‘มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก’ สูญเสียความร่ำรวยไปแล้ว 3.8 ล้านล้านบาทในเวลาเพียง 13 เดือน
ในการรายงานผลประกอบการ มาร์กกล่าวว่า “ผมคิดว่าคนที่อดทนและลงทุนกับเราจะได้รับการตอบแทน”
ทั้งนี้ Facebook เคยมีรายได้ที่ไม่ดีมาก่อน โดยในเดือนกรกฎาคมของปี 2018 การรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ได้มีการเตือนถึงการชะลอตัวของรายได้และอัตรากำไรที่ลดลง ซึ่งนักลงทุนทั้งหลายได้ขายหุ้นออกไปกว่า 24% ในหนึ่งวัน และการคาดการณ์ที่คล้ายๆ กันทำให้หุ้นดิ่งลงอย่างรวดเร็วใน 1 วันก็เกิดขึ้นกับไตรมาสที่ 4 ของปี 2021 และไตรมาสที่ 2 ของปี 2022 เช่นกัน
การใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้นกว่า 19% จากปี 2021 แม้บริษัทจะรู้ดีว่ารายรับกำลังลดลง
การลงทุนที่มากขึ้นเกิดจากการเดิมพันอนาคตบริษัทของมาร์ก โดยเขากล่าวว่าบริษัทยินดีใช้เงิน 1 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อปีเพื่อทำให้ Metaverse เป็นจริง และลงทุนในชุดหูฟังที่จะพาผู้คนเข้าสู่ Metaverse และจักรวาล VR อย่าง Horizon Worlds
ผู้ถือหุ้นเริ่มตั้งคำถามกับรายจ่ายนั้น โดย Brad Gerstner แห่ง Altimeter Capital แนะนำให้บริษัทลดการใช้จ่ายลงเหลือ 5 พันล้านดอลลาร์ต่อปี พร้อมลดจำนวนพนักงานลง 20%
แต่ไม่มีเหตุผลให้มาร์กทำตามคำแนะนำของเขา เนื่องจากซีอีโอมีหุ้นที่ลงคะแนนได้มากกว่า และมีรายงานว่าเขารวมคนภักดีไว้บนโต๊ะประชุม และไล่ใครก็ตามที่กล้าตั้งคำถามกับเขาออกไป อาทิ เชอริล แซนด์เบิร์ก บุคคลหมายเลข 2 ของบริษัท ที่ทำให้ Facebook กลายเป็นผู้นำด้านการขายโฆษณา และเครื่องจักรธุรกิจที่ทรงประสิทธิภาพ ออกจากบริษัทเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
ภาพ: Frederic Legrand – COMEO/ Shutterstock
อ้างอิง: