วันนี้ (4 มิถุนายน) พล.ต.อ. ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ พร้อมด้วย พาทิศ ศุภะพงษ์ เลขาธิการสมาคมฯ และ กรวีร์ ปริศนานันทกุล รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยลีก จำกัด ร่วมกันแถลงข่าวหลังการประชุมร่วมกับสโมสรสมาชิก เรื่องกำหนดการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพของไทยประจำฤดูกาล 2021 พร้อมแจ้งข่าวดีเรื่องเงินสนับสนุนสโมสรประจำฤดูกาลที่แล้ว 2020 มูลค่ารวม 98 ล้านบาทพร้อมจ่ายแล้ว รวมถึงยืนยันจำนวนเงินสนับสนุนสโมสรในฤดูกาล 2021 ที่จะได้ครบทุกทีมไทยลีก 1-3 และเรื่องลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดพร้อมช่องทางรับชม
พล.ต.อ. ดร.สมยศ กล่าวว่า “ในวันนี้ทางสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และบริษัท ไทยลีก จำกัด ได้จัดการประชุมเพื่อชี้แจงการเตรียมการแข่งขันฟุตบอลรายการต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในฤดูกาล 2021 และสิทธิประโยชน์ที่สโมสรจะได้รับ โดยการแข่งขันฤดูกาล 2021 จะเริ่มในวันที่ 31 กรกฎาคม สำหรับโตโยต้าไทยลีก กับ M-150 แชมเปี้ยนชิพ และวันที่ 4 กันยายน สำหรับไทยลีก 3 ซึ่งจะยังมีการแข่งขันฟุตบอลถ้วยน็อกเอาต์อย่างน้อย 1 รายการเช่นเดิม
“สำหรับเงินสนับสนุนในฤดูกาล 2020 ที่ผ่านมา เมื่อเกิดสถานการณ์โควิด-19 และกิจกรรมกีฬาต้องถูกระงับไปช่วงหนึ่ง เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการของรัฐ ทำให้ไทยลีกต้องจัดการแข่งขันฟุตบอลแมตช์สาธิตภายใต้สถานการณ์โรคระบาดคือ ‘ระยอง คิกออฟ’ เมื่อเดือนกันยายน 2563 จึงจะได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้กลับมาแข่งขันอีกครั้งในเดือนตุลาคม 2563
“แต่เมื่อผู้ถือลิขสิทธิ์ถ่ายทอดเดิมปฏิเสธการรับสัญญาณต่อ ทำให้ไทยลีกต้องเข้าสู่ภาวะวิกฤตด้านสภาพคล่อง และยังไม่สามารถจัดสรรงบประมาณสนับสนุนให้แก่สโมสรได้ อย่างไรก็ตาม ทางสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และไทยลีก ได้พยายามประคับประคองให้ฟุตบอลอาชีพเดินหน้าต่อ จึงทำการผลิตสัญญาณส่งไปยังดิจิทัลทีวี เพื่อหารายได้จากค่าเวลาโฆษณา และอีกส่วนหนึ่งมอบสิทธิ์การแพร่ภาพออนไลน์ให้กับสโมสรที่เป็นทีมเหย้า เพื่อเปิดโอกาสให้สโมสรหารายได้เป็นกรณีพิเศษ รวมไปถึงทำเรื่องขอรับการสนับสนุนจากภาครัฐเพื่อมาแก้ไขสถานการณ์ความเสียหายที่เกิดขึ้น
“ที่สุดแล้วทางภาครัฐตกลงสนับสนุนเงินรางวัล เงินค่าสัญญาณถ่ายทอดบางส่วน ทั้งนี้ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ต้องนำมาหักค่าใช้จ่ายค่าผลิตสัญญาณ แล้วสามารถนำส่วนที่เหลือจัดสรรให้กับสโมสรสมาชิกได้เพิ่มอีกทั้งสิ้น 98 ล้านบาท แบ่งเป็น 5 ล้านบาท ต่อสโมสรสำหรับโตโยต้าไทยลีก 16 สโมสร และ 1 ล้านบาทต่อสโมสร สำหรับ M-150 แชมเปี้ยนชิพ 18 สโมสร ซึ่งในส่วนนี้สามารถดำเนินจ่ายให้ได้ทันที ขณะที่เงินรางวัลในอันดับต่างๆ จะมีการขอการกีฬาแห่งประเทศไทย ฝ่ายกีฬาอาชีพฯ เข้ามาช่วยเหลือ ทั้งนี้อยู่ในระหว่างขั้นตอนการเบิกจ่าย”
พล.ต.อ. ดร.สมยศ กล่าวต่อไปว่า สำหรับเงินสนับสนุนสโมสรประจำฤดูกาล 2020 ที่ผ่านมา ทางสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้จ่ายให้สโมสรสมาชิกในงวดแรกไปแล้ว เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563 โดยสโมสรในโตโยต้าไทยลีก จำนวน 5 ล้านบาท และ M-150 แชมเปี้ยนชิพ จำนวน 7.5 แสนบาท และเมื่อรวมกับที่ทางสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ จะจ่ายให้ในส่วนที่เหลือ จะทำให้สโมสรโตโยต้าไทยลีกได้รับเงินรวม 10 ล้านบาท และสโมสร M-150 แชมเปี้ยนชิพ ได้รับเงิน 1.75 ล้านบาท
ส่วนเงินสนับสนุนสโมสรฤดูกาลใหม่ ซึ่งต้องยอมรับว่าในขณะนี้สถานการณ์ของโควิด-19 ยังไม่คลี่คลาย ก่อให้เกิดภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว กระทบต่อธุรกิจสินค้าและบริการของผู้สนับสนุนในวงการฟุตบอล แต่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และไทยลีก จะพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อมิให้การสนับสนุนสโมสรสมาชิกลดน้อยลง
อย่างไรก็ตาม สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และไทยลีก จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดในการบริหารงานให้ฟุตบอลยังสามารถคงอยู่และเดินหน้าต่อไปท่ามกลางวิกฤตครั้งนี้ โดยจะจัดสรรเงินสนับสนุนให้กับสโมสรในฤดูกาล 2021 เท่ากับจำนวนที่เคยได้รับก่อนเกิดโรคระบาด และส่งผลกระทบต่อสโมสรน้อยที่สุดคือ 20 ล้านบาท สำหรับสโมสรโตโยต้าไทยลีก, 3 ล้านบาท สำหรับสโมสร M-150 แชมเปี้ยนชิพ และ 1 ล้านบาท สำหรับสโมสรไทยลีก 3 แต่ต้องของดการสนับสนุนโครงการ FA Development Program ออกไปก่อนอย่างน้อย 1 ฤดูกาล เพื่อรักษาสภาพคล่องและสามารถจัดการค่าใช้จ่ายในการแข่งขันไทยลีกให้ครบตามจำนวนแมตช์
“ทั้งนี้จะทำการมอบเงินสนับสนุนดังกล่าวได้ภายในเดือนกรกฎาคม ก่อนเปิดฤดูกาล 2021 ส่วนงวดที่ 2 จะมอบเมื่อพักเลกที่ 1, งวดที่ 3 เมื่อจบฤดูกาล และงวดที่ 4 เมื่อมีการตรวจสอบแล้วว่าสโมสรไม่มีการค้างค่าใช้จ่ายต่างๆ หลังจบฤดูกาลก่อนเริ่มฤดูกาลใหม่ พร้อมกันนี้ทางสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ยืนยันว่าจะมีการแพร่ภาพถ่ายทอดสดการแข่งขันไทยลีก 1 ผ่านช่องทางดิจิทัลทีวีในบางแมตช์ที่สามารถตกลงกับสถานีได้ ส่วนระบบออนไลน์จะสามารถถ่ายทอดได้ครบทุกคู่ รวมไปถึงไทยลีก 2 ก็ถ่ายทอดสุดทุกคู่เช่นกัน”
พล.ต.อ. ดร.สมยศ กล่าวด้วยว่า “ส่วนเรื่องผู้ถือลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด ทางไทยลีกได้มีการทำสัญญากันเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2563 ตามสัญญาคู่สัญญาต้องวางหลักประกันเป็นหนังสือค้ำประกันของธนาคารให้ไทยลีกในวันที่ 31 มกราคม 2564 แต่คู่สัญญาไม่ได้ส่งมอบให้ตามเงื่อนไขและเงื่อนเวลาบังคับก่อนตามที่ระบุไว้ในสัญญา ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญกับไทยลีกมากที่สุด เนื่องจากไทยลีกมีหน้าที่หลักต้องหารายได้เพื่อใช้จ่ายในการจัดแข่งขัน และสนับสนุนสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ กับสโมสรสมาชิก”
ดังนั้น เพื่อลดความเสี่ยงในกรณีคู่สัญญาประพฤติผิดสัญญา จึงได้กำหนดเงื่อนไข เงื่อนเวลา ให้คู่สัญญาต้องวางหลักประกันเสียก่อนที่จะมีการปฏิบัติตามเนื้อหาของสัญญากันต่อไป ทั้งนี้ เนื่องจากสัญญานี้มีมูลค่าสูง มีระยะเวลายาวนานถึง 8 ปี
เมื่อคู่สัญญาไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขสัญญาโดยไม่วางหลักประกันตามเงื่อนไขเงื่อนเวลา จึงมีการทวงถามให้คู่สัญญาดำเนินการหลายครั้ง แต่เมื่อไม่ดำเนินการ ประกอบกับมีการขอเจรจาปรับค่าลิขสิทธิ์ลดลงหลายร้อยล้านบาท ซึ่งทางสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และไทยลีก ได้พิจารณาและให้โอกาสแล้ว ก่อนจะถึงกำหนดชำระเงินค่าลิขสิทธิ์งวดแรก (1 มิถุนายน 2564) แต่คู่สัญญาก็ไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขสัญญาได้ โดยที่ผ่านมา สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และไทยลีก พยายามประนีประนอมและผ่อนปรนเรื่อยมา แต่คู่สัญญาก็ยังไม่สามารถดำเนินการได้ ดังนั้นไทยลีกจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องตัดสินใจหาคู่สัญญารายใหม่ที่สนใจอย่างจริงจัง ที่จะเข้าร่วมในการเป็นส่วนหนึ่งของการจัดการแข่งขันกีฬาฟุตบอลอาชีพของไทย เพื่อว่าไทยลีกและสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ จะได้มั่นใจว่ามีรายได้เพียงพอที่จะทำให้การแข่งขันฟุตบอลอาชีพของไทยเดินหน้าต่อไปได้
ทางสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และไทยลีก ยืนยันว่าทุกสโมสรจะไม่ได้รับผลกระทบจากการยกเลิกสัญญานี้ การถ่ายทอดสดจะยังคงมีขึ้นในช่องทางต่างๆ ทุกคู่ ทั้งฟรีทีวีและออนไลน์ให้แฟนบอลได้ชมกันครบทั้งฤดูกาล
“สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และบริษัทไทยลีก ขอเรียนให้ทราบว่า สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ จะร่วมมือกับไทยลีกอย่างใกล้ชิด เพื่อเป็นผู้ดำเนินการด้านลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดด้วยตนเอง และจะมอบเงินสนับสนุนให้สโมสรสมาชิกตามช่วงเวลาดังกล่าวข้างต้น รวมทั้งสรุปช่องทางการถ่ายทอดสดเพื่อนำมาแจ้งให้กับสโมสร แฟนบอล สปอนเซอร์ และสื่อมวลชนทราบ ต่อไป” พล.ต.อ. ดร.สมยศ กล่าวในที่สุด
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล