×

ปรากฏการณ์งานเปิดตัว F1 ฤดูกาล 2025 งานซึ่งเปลี่ยนโลกกีฬาให้มุ่งไปสู่ O2 Arena

19.02.2025
  • LOADING...
f1-o2-arena

เวลาตี 3 ตามเวลาไทย นับว่าโหดร้ายสำหรับแฟนๆ F1 ณ ประเทศในย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างยากที่จะปฏิเสธ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณต้องทำงานในวันรุ่งขึ้น! แต่นั่นก็ไม่สามารถหยุดเราไม่ให้ตื่นมาดูงานเปิดตัวศึก F1 ฤดูกาล 2025 ได้

 

อันที่จริงแล้ว THE STANDARD SPORT ตื่นมารอสัญญาณการถ่ายทอดสดตั้งแต่ตี 2 เศษแล้ว แต่ในเมื่อสัญญาณยังไม่มา เราก็ติดตามรายงานตามเว็บไซต์ต่างๆ ไปพร้อมๆ กันด้วย

 

สิ่งแรกที่เราประทับใจในงานเปิดตัวฤดูกาลครั้งนี้คือ บรรยากาศตั้งแต่ก่อนเข้างาน เราได้เห็นบรรดานักขับและทีมบอสในชุดสูททางการเดินผ่านพรมแดงเข้าสู่ O2 Arena ท่ามกลางการต้อนรับของแฟนๆ ที่มารอขอลายเซ็นและขอถ่ายรูป

 

แต่สิ่งที่เราชอบคือการให้สัมภาษณ์อย่างเป็นกันเองของบรรดานักขับและทีมบอสก่อนเริ่มงาน เราจึงเห็นบทสัมภาษณ์ที่ โตโต วูล์ฟ แซว ลูอิส แฮมิลตัน ต่อหน้า เฟเดอริก วาสเซอร์ ว่าเหมือนท่านเซอร์แต่งงานใหม่ไปแล้ว

 

บรรยากาศที่เห็นจึงเป็นบรรยากาศที่ค่อนข้างอบอุ่น ชนิดที่ถ้าใครติดตามซีรีส์ Drive to Survive ทาง Netflix ที่มีแต่การเชือดเฉือนและดราม่ากันเป็นส่วนใหญ่ อาจจะไม่คุ้นเคยกับภาพที่เห็น

 

งานเปิดฤดูกาล 2025 ของศึก F1 เปิดตัวด้วยการแนะนำตัวพิธีกรอย่าง แจ็ค ไวต์ฮอล คอมมิเดียน นักแสดง และนักเขียนชาวอังกฤษ ซึ่งทำหน้าที่ของเขาได้อย่างยอดเยี่ยม

 

หนึ่งช็อตที่เราจำได้ดีคือการที่ไวต์ฮอลพยายามแซวหน้าตาอันหล่อเหลาของ ชาร์ลส์ เลอแคลร์ นักขับชาวโมนาโกของทีมเฟอร์รารี

 

ไวต์ฮอลทำหน้าที่ด้วยการแซวใครก็ตามที่เขาไปคุยด้วยอย่างเท่าเทียม พิธีกรวัย 36 ปีแซวนักขับและทีมบอสอย่าง จอร์จ รัสเซลล์, ลูอิส แฮมิลตัน รวมไปถึง เจมส์ โวล์ส ซึ่งทั้งหมดอยู่ในชุดสูททางการ ทำให้เราอดคิดไม่ได้ว่าวันนี้เราอาจจะไม่ได้เห็นนักขับในชุด F1 แล้วหรือเปล่า

 

แต่หลังจากนั้นไม่นานเราก็ได้เห็นการเปิดตัวทีมสเทก คิก เซาเบอร์ พร้อมกับสองนักขับในชุดนักแข่งหลัง VTR ในวาระฉลองครบ 75 ปีของ F1

 

ภาพของทีมคิก เซาเบอร์ ถ้าไม่นับว่านักขับของพวกเขาเปลี่ยนแปลงไปเป็นทาง นิโก ฮูล์เคนแบร์ก กับ กาเบรียล บอร์โตเลโต เราก็ยังคงได้เห็นสีชุดและสีทีมในชุดเขียว-ดำเหมือนเดิมพร้อมกับการเปิดตัวรถของพวกเขา

 

ต่อเนื่องหลังจากคิก เซาเบอร์ ไม่นาน เราก็ได้เห็นทีมวิลเลียมส์ที่มาพร้อมกับคู่นักขับ ‘คาร์โบโน’ อเล็กซานเดอร์ อัลบอน อังศุสิงห์ และ คาร์ลอส ไซน์ซ พร้อมกับรถ FW47

 

ณ จุดนั้นเราพอเดากันได้บ้างแล้วว่าการเปิดตัวทีมต่างๆ น่าจะไล่อันดับจากท้ายตารางของอันดับทีมผู้ผลิตในฤดูกาลก่อนไปจนถึงทีมแชมป์

 

นั่นหมายความว่าหลังจากนั้นเราได้เห็นทีมเรซซิง บูล กับรถ VCARB02 ที่มีสีสันแปลกตาไปเล็กน้อย พร้อมกับ ไอแซ็ค ฮัดจาร์ และ ยูกิ สึโนดะ สองนักขับของทีม ตามด้วยโชว์ของ เคน บราวน์ และการเปิดตัวของทีมฮาสและอัลพีน ตามลำดับ

 

เราประทับใจกับการเปิดตัวของแอสตัน มาร์ติน ที่มาหลังจากนั้นในธีมของเจมส์ บอนด์ 007 ซึ่งให้นักขับของพวกเขาทั้ง เฟร์นานโด อลอนโซ และ อลนซ์ สโตรลล์ มาในลุคสายลับผ่าน VTR และมาปรากฏตัวในชุดสูทชุดเดียวกับใน VTR ตรงประตูทางเข้าด้านบน

 

การเปิดตัวของแอสตัน มาร์ติน เรียกได้ว่าตื่นตาตื่นใจ จนทำให้ความง่วงที่เรามีหายไปเป็นปลิดทิ้ง ก่อนที่ทั้งสองคนจะแวบไปเปลี่ยนชุดเป็นชุดนักขับ เพื่อลงมาเปิดตัวรถ AMR25 ที่มาในลุคสีเขียวคุ้นตา

 

โดยหลังจากการเปิดตัวของแอสตัน มาร์ติน ก็มาถึงคิวของเมอร์เซเดสที่เราได้เห็น จอร์จ รัสเซลล์ กับ คิมี อันโตเนลลี ซึ่งนับได้ว่าเป็นยุคใหม่ของทีม หลังการจากไปของ เซอร์ลูอิส แฮมิลตัน ที่ย้ายไปร่วมทีมเฟอร์รารี

 

ไวต์ฮอลก็แก้ง่วงให้ผู้ชมด้วยการสัมภาษณ์ กอร์ดอน แรมซีย์ เกี่ยวกับประเด็นร้อนในปีก่อน นั่นคือการพูดคำหยาบของนักขับ ซึ่งแรมซีย์ก็เห็นด้วยกับการที่บางครั้งนักแข่งจะสบถออกมาตามอารมณ์ที่พวกเขาคิดหรือเป็น ณ ตอนนั้น ซึ่งเรียกเสียงปรบมือจากแฟนๆ ได้ทั้ง O2 Arena

 

แต่เรายอมรับว่าการเปิดตัวของแอสตัน มาร์ติน ที่ตื่นตาตื่นใจ ทำให้การเปิดตัวของ 3 ทีมหัวตารางที่เหลือหลังจากนี้ดูจืดลงไปสักเล็กน้อยจริงๆ

 

เรดบูลแม้จะมาพร้อมกับ VTR ที่ยอดเยี่ยมสไตล์ Red Bull Media แต่การเห็น แม็กซ์ เวอร์สแตพเพน เดินออกมาพร้อมกับ เลียม ลอว์สัน และเอ็กซ์ตร้าของเรดบูล ไม่ได้ทำให้เรา Hype เท่าตอนที่เห็นแอสตัน มาร์ติน

 

หลังจากนั้นเป็นเหมือนไฮไลต์ของงานกับการเปิดตัวของทีมเฟอร์รารีในวันครบรอบ 127 ปีชาตกาลของ เอ็นโซ เฟอร์รารี ที่มาพร้อมกับรถสีแดง-ขาว แต่นั่นยังไม่โดดเด่นและเรียกเสียงจากแฟนๆ ได้เท่ากับการปรากฏตัวของ เซอร์ลูอิส แฮมิลตัน ที่ทำให้หนุ่มหล่อเพื่อนร่วมทีมอย่าง ชาร์ลส์ เลอแคลร์ ดูหมองลงไป แม้ว่าเขาจะดูดีมากในชุดสูทก่อนหน้านี้

 

แฮมิลตันเรียกเสียงเชียร์จากแฟนๆ ได้กึกก้อง ก่อนกล่าวในชุดสีแดงของเฟอร์รารีว่า “สวัสดีตอนเย็นทุกคน

 

“เป็นค่ำคืนที่ยอดเยี่ยมมากที่ได้อยู่ที่นี่ท่ามกลางพวกคุณทุกคน คำที่ผมกำลังคิดถึงคือ ‘มีพลังเต็มเปี่ยม’ ผมรู้สึกมีชีวิตชีวามาก เพราะทุกอย่างล้วนใหม่หมด ผมแค่มุ่งเน้นไปที่สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ผมตื่นเต้นมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีม”

 

ในขณะเดียวกัน แจ็ค ไวต์ฮอล ก็ยังแซวแบบติดตลกไปยังเมอร์เซเดสว่าจะรู้สึกอย่างไรเมื่อเห็นอดีตแชมป์โลกของพวกเขาเดินจากไปร่วมงานกับคู่แข่ง

 

“มันเป็นฝันร้ายที่ย่ำแย่ที่สุดของทุกคน พาร์ตเนอร์ของคุณที่ร่วมเดินทางกันมา 10 ปี ย้ายไปเดินร่วมกับม้าลำพองแห่งอิตาลี”

 

แม้จะเป็นทีมจากอิตาลี แต่เฟอร์รารีปิดเซสชันการพรีเซนต์ของพวกเขาด้วยเสียงเชียร์ที่น่าจะดังที่สุดในค่ำคืนที่ผ่านมา เป็นสัญญาณที่บอกว่าแฟนๆ ต่างตั้งตารอคอยที่จะได้เห็น ‘ท่านเซอร์’ ลงขับรถสีแดงเต็มที่แล้ว

 

แน่นอนว่าทีมสุดท้ายที่ขึ้นมาพรีเซนต์คือทีมแชมป์ประเภทผู้ผลิตอย่างแม็คลาเรน ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้มาตัวเปล่า เพราะพวกเขามาพร้อมกับถ้วยแชมป์

 

และไม่ใช่แค่ถ้วยแชมป์เท่านั้น พวกเขายังขนรถขึ้นมาบนเวที 4 คัน โดยยังไม่รวมกับรถ MCL 39 ที่จะได้รับการเปิดตัวด้วยมือของสองผู้ยิ่งใหญ่ในทีมอย่างซีอีโออย่าง แซ็ก บราวน์ และทีมบอสอย่าง อันเดรีย สเตลลา 

 

สองผู้นำของทีมแชมป์เก่าในประเภททีมผู้ผลิตเดินไปเปิดผ้าสีดำที่คลุมรถรุ่นใหม่ที่จะใช้แข่งขันในฤดูกาลใหม่ด้วยมือพวกเขาเอง

 

หลังจากนั้นสองนักขับอย่าง แลนโด นอร์ริส กับ ออสการ์ ปิอัสทรี ก็เดินเข้ามาสู่เวทีและให้สัมภาษณ์กันเป็นเวลาสั้นๆ ก่อนที่พวกเขาจะลงจากเวทีไปเป็นทีมสุดท้าย

 

งานเปิดฤดูกาล 2025 ของ F1 จบลงด้วยการแสดงดนตรีสดและการปรากฏตัวทิ้งท้ายของนักขับทุกคนและรถทุกคัน ก่อนสัญญาณการถ่ายทอดสดจะปิดลงไป

 

หลังจากการถ่ายทอดสดจบลง แม้จะง่วงมาก แต่พระอาทิตย์ก็ใกล้จะขึ้นแล้ว เราเลยนั่งคิดเล่นๆ ว่า ลิเบอร์ตี้ มีเดีย เจ้าของ F1 ทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร

 

คำตอบอาจจะเป็นคำง่ายๆ อย่าง ‘กระแส’

 

ตามปกติแล้ว F1 จะแยกกันเปิดตัวทีมอย่างเป็นเอกเทศ ทำให้แต่ละทีมได้รับกระแสความสนใจไม่เท่ากัน บางทีมอาจไม่ดึงดูดใจแฟนๆ เลยด้วยซ้ำ

 

การจัดงานเปิดตัวพร้อมกันในครั้งเดียวจึงเป็นเหมือนการเรียกแฟนๆ มารวมตัวกันและมันประสบความสำเร็จอย่างงดงาม จากการมีคนดูสดพร้อมกันสูงสุดกว่า 1.1 ล้านคน และมีผู้ชมรวม 4.6 ล้านคนตลอดการถ่ายทอดสด

 

ความสำเร็จในค่ำคืนนี้อาจต่อยอดไปสู่การจัดงานเปิดตัว F1 ในทุกปีหลังจากนี้ก็ได้ และงานนี้ก็จะเป็นเหมือนจุดเริ่มต้นที่จะสื่อสารไปถึงแฟนๆ ในอนาคตว่า

 

F1 กำลังจะเปิดฉากแล้ว…

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising