×

F1 2025 เปิดฉากดุเดือด! 6 คัน DNF, 3 Safety Car, 1 คนหลั่งน้ำตา และ Top 5 ของ อเล็กซ์ อัลบอน

16.03.2025
  • LOADING...
f1-2025-dramatic-start

สายฝนที่โปรยปรายลงมาในอัลเบิร์ตพาร์กเซอร์กิต ทำให้การแข่งขันเรซเปิดฤดูกาลในศึก F1 รายการออสเตรเลียนกรังด์ปรีซ์เปลี่ยนโฉมหน้าไปกว่าที่ใครๆ หลายคนคาดคิด และมันทำให้เรซนี้กลายเป็นเรซที่ ‘เดือด’ ตั้งแต่ฟอร์เมชันแล็ปเลยทีเดียว เพราะ ณ จุดนั้นก็มีคนเสียน้ำตาแล้ว

 

ไอแซค ฮัดจาร์ อาจไม่ได้จินตนาการเรซแรกในศึก F1 ไว้ว่าต้องขึ้นโพเดียม หรือเป็นแชมเปียน แต่ในทางกลับกันเขาก็คงไม่ได้จินตนาการว่าต้องเจอกับฝันร้ายอย่างการออกจากการแข่งขันทั้งที่ยังไม่ได้เริ่มแข่ง

 

นักขับดาวรุ่งเชื้อสายฝรั่งเศส-แอลจีเรีย เสียหลักในฟอร์เมชันแล็ปก่อนการออกสตาร์ทการแข่งขัน 

 

“ผมโอเค” เขาตอบกลับมาทางวิทยุไปถึงทีมงานเรซซิงบูลส์ แต่ในความเป็นจริงนั้นเขา ‘ไม่โอเค’ คำว่าไม่โอเคในที่นี้ เราไม่ได้หมายถึงสภาพร่างกาย แต่หมายถึงสภาพจิตใจ

 

จิตใจของฮัดจาร์พังพินาศ จากความผิดหวังในการเริ่มต้นเรซแรกได้อย่างเลวร้ายที่สุดเท่าที่เขาจะจินตนาการได้ และแน่นอนว่ามันย่ำแย่จนเขาต้องร้องไห้ออกมา

 

การใช้ยาง Intermediate ขับในสภาพอากาศกึ่งเปียกกึ่งแห่งไม่ใช่เรื่องง่าย แม้แต่กับนักขับเจนสนาม โดย อเล็กซานเดอร์ อัลบอน อังศุสิงห์ นักขับชาวไทยที่ทำผลงานได้เซอร์ไพรส์ที่สุดในเรซนี้ ก็ยังบอกว่า “ในสภาพอากาศแบบนั้น การได้อันดับนี้ก็ถือว่าเกินคาดแล้ว” และ “ในสภาพอากาศแบบนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือการรู้ข้อจำกัดของตัวเอง มันคงง่ายกว่าถ้าจะก้มหน้าก้มตาขับ แต่เราต้องมีการตั้งขีดจำกัดไว้”

 

ขนาดนักขับเจนสนามยังกล่าวแบบนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่นักขับมือใหม่จะพลาด และราคาความผิดพลาดในครั้งนี้ ฮัดจาร์ ก็ต้องจ่ายมันด้วยน้ำตา 

 

แต่ถึงอย่างนั้นการแข่งขันก็ต้องดำเนินต่อไป และทุกคนก็เตรียมตัวกันใหม่ในการออกสตาร์ท โดยทุกคันมาในล้อแทบเขียวเหมือนกันหมด 

 

แม้ทุกคนจะได้เห็นตัวอย่างจาก ฮัดจาร์ไปแล้ว แต่หลังจากนั้นเรายังเห็นรถอีกหลายคันต้องออกจากการแข่งขัน ไล่ตั้งแต่ แจ็ค ดูฮาน นักขับออสเตรเลีย จาก อัลพีน, การ์ลอส ไซน์ซ นักขับสเปน จาก วิลเลียมส์, แฟร์นานโด อลองโซ อีกหนึ่งนักขับแดนกระทิง จากแอสตัน มาร์ติน, กาเบรียล บอร์โตเลโต นักขับบราซิล จาก คิก เซาเบอร์ และ เลียม ลอว์สัน จากเรดบูล

 

จะเห็นได้ว่า 4 จาก 6 คนที่ต้องออกจากการแข่งขัน เป็นนักขับหน้าใหม่ ทว่าสภาพอากาศที่อัลเบิร์ตพาร์กก็ไม่ละเว้นนักขับหน้าเก่าอย่าง ไซน์ซ หรือ จอมเก๋าอย่าง ‘น้าโซ่’ เช่นกัน

 

Safety Car ที่เกิดขึ้นในเรซนี้ จึงมีถึง 3 ครั้ง กินระยะเวลากว่า 10 รอบ

 

นอกจากนี้ สายฝนก็ยังเป็นตัวแปรสำคัญที่เปลี่ยนโฉมหน้าการแข่งขัน และทำให้เรซนี้ฉูดฉาด บาดตาคนดู และบาดใจนักขับ โดยเฉพาะเมื่อมันตกลงมาอีกครั้งระหว่างรอบที่ 44

 

ฝนที่ตกลงมา ปั่นป่วนลีดเดอร์บอร์ดในตอนนั้นอย่างมาก หลังจากที่ 2 ผู้นำจาก แม็คลาเรน เสียหลักในระยะเวลาใกล้เคียงกัน ส่งผลให้ แม็กซ์ เวอร์สแตพเพน แชมป์โลกปีก่อนจากเรดบูล เรซซิง แซงขึ้นมานำ 

 

แต่หลังจากนั้นไม่มีใครกล้าล้อเล่นกับสายฝนอีก เกือบทุกคันเข้าพิต เพื่อเปลี่ยนเป็นยาง Intermediate ทำให้ทั้งสนามเต็มไปด้วยยางขอบเขียวอีกครั้ง

 

แต่ในตอนที่ แม็กซ์ และ ปิแอร์ แกสลีย์ จากอัลพีน กำลังจะเข้าไปเปลี่ยนยางนั้นเอง ฝนก็ตกหนักขึ้น ทำให้ทั้ง 2 คันที่ใช้ยางสลิก (ไม่มีดอกยาง) อยู่นั้น ออกอาการเสียหลักอย่างชัดเจน และต้องลดความเร็วเพื่อประคองตัวเข้าพิตไปเปลี่ยนยางให้ได้

 

แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะโชคดีเหมือนกันหมด เพราะระหว่างนั้น ออสการ์ ปิอัสทรี นักขับขวัญใจเจ้าถิ่น ที่กำลังรั้งอันดับ 2 ก็เสียหลักและขึ้นไปอยู่บนหญ้า แต่ยังสามารถถอยรถกลับมาแข่งขันต่อได้ ทว่าบางคนไม่ได้โชคดีเช่นนั้น เพราะในตอนนั้น ทาง เลียม ลอว์สัน และ กาเบรียล บอร์โตเลโต ก็ต้องออกจากการแข่งขันไป ทำให้ตอนนั้น มีรถถึง 6 คนที่ต้องแข่งไม่จบ

 

Safety Car ออกมาวิ่งจนถึงรอบที่ 52 และเหลือระยะทางแค่ 5 รอบให้แข่งขันกันบนถนนเปียกพร้อมยาง Intermediate ทำให้การแซงกันเป็นเรื่องยากมาก

 

แต่ถึงอย่างนั้น คิมี อันโตเนลลี ก็แซงอัลบอนเข้าเส้นชัยมาจบในอันดับที่ 4 ได้สำเร็จ แม้ว่าในตอนแรกเขาจะโดนโทษปรับ 5 วินาที จากการออกตัวโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยขณะอยู่ในพิต แต่ทีมเมอร์เซเดสก็อุทธรณ์เพื่อยกเลิกโทษนี้จนสำเร็จ ทำให้เด็กหนุ่มวัย 18 ปี จนอันดับ 4 ในเรซนี้จนได้

 

ขณะที่ อเล็กซ์ อัลบอน ซึ่งในตอนแรกจบที่ 5 แต่ได้ขึ้นไปเป็นที่ 4 อยู่หลายชั่วโมง ก่อนที่คณะกรรมการจะยกเลิกโทษแบนของ คิมี อันโตเนลลี ทำให้สุดท้ายเข้าก็จบที่ 5 อยู่ดี

 

แต่ถึงอย่างนั้นการจบที่ 5 ก็นับเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมอยู่ดี เพราะนี่คืออันดับดีที่สุดนับตั้งแต่เขาย้ายมาร่วมทีมวิลเลียมส์ และเป็นการยืนยันได้อย่างดีว่า ปีนี้ทีมยักษ์หลับทีมนี้ ไม่ได้มาเล่นๆ อีกต่อไป

 

ขณะที่แชมป์ในสนามแรกเป็นนักขับจากทีมที่ กุนเธอร์ สไตเนอร์ ทำนายเอาไว้ว่า จะเป็นแชมป์โลก อย่าง แลนโด นอร์ริส ก็คว้าแชมป์สนามแรกไปครองได้สำเร็จ พร้อมเก็บ 25 เต็ม โดยอันดับที่ 2 เป็นแชมป์เก่าอย่าง แม็กซ์ เวอร์สแตพเพน และที่ 3 เป็นของ จอร์จ รัสเซลล์ จากทีม ซิลเวอร์แอร์โรว์

 

อย่างไรก็ตาม ผลการแข่งขันในเรซนี้ไม่ได้บอกอะไรเรามากนัก เพราะต้องอย่าลืมว่า การแข่งขันเรซนี้ เกิดขึ้นภายใต้เงื่อนไขสภาพอากาศที่เรียกได้ว่า ‘เลวร้าย’ 

 

เรายังไม่ได้เห็นการทำความเร็วสูงสุดภายใต้ยางซอฟต์จากรถแต่ละคัน, นักขับแต่ละคน ในแต่ละทีม จึงยังอาจจะยังเร็วเกินไป หากจะบอกว่าใครเหนือกว่า และ หรือใครจะเป็นผู้ชนะในท้ายที่สุด

 

เพราะฤดูกาลนี้เพิ่งนับ 1 เพียงเท่านั้น…

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising