×

F-47 โครงการลับ เครื่องบินรบยุคที่ 6 ของ กองทัพอากาศสหรัฐฯ

23.03.2025
  • LOADING...

Boeing คือผู้ชนะและได้รับเลือกให้ผลิตเครื่องบินขับไล่ยุคที่ 6 ที่ตั้งชื่อว่า F-47 ภายใต้โครงการ Next Generation Air Dominance หรือ NGAD ซึ่งเอาชนะแบบแผนของ Lockheed Martin ไปได้ โครงการนี้วางแผนที่จะพัฒนาเครื่องบินขับไล่เพื่อทดแทน F-22 ภายในทศวรรษที่ 2030 ซึ่งจะกลายมาเป็นเครื่องบินขับไล่ที่ทันสมัยที่สุด

 

แม้ว่าจะเพิ่งประกาศมาเมื่อสองวันก่อน แต่มีการเปิดเผยว่าต้นแบบของ F-47 นั้นขึ้นบินและทดสอบมากว่า 5 ปีแล้ว ซึ่งนั่นหมายถึงทั้งสองบริษัทต่างมีเครื่องบินต้นแบบที่ทำการบินให้กับ กองทัพอากาศสหรัฐฯ ทดสอบและประเมินค่ามานานหลายปีก่อนที่จะมีการเลือกผู้ชนะในครั้งนี้

 

กองทัพอากาศสหรัฐฯ

 

F-47 เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Next Generation Air Dominance หรือที่เรียกย่อๆ ว่า NGAD ซึ่งเป็นแนวคิดของสำนักโครงการวิจัยขั้นสูงเพื่อการป้องกันประเทศ หรือ DARPA (Defense Advanced Research Projects Agency) ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยเทคโนโลยีทางทหารใหม่ๆ ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ และเราอาจจะรู้จักกันในฐานะองค์กรผู้คิดค้นและให้กำเนิดอินเทอร์เน็ตนั่นเอง โดย DARPA เสนอแนวคิดโครงการนี้ในปี 2014 ซึ่งสะท้อนออกมาเป็นการประกาศโครงการพัฒนาเครื่องบินต้นแบบ (X Plane) ในปี 2015 ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ และการนำแนวคิดนี้ไปบรรจุในแผนงานระยะยาวของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ในชื่อ Air Superiority 2030

 

ที่จริงแล้ว NGAD นั้นไม่ใช่การพัฒนาเครื่องบินรบอย่างเดียว แต่ DARPA ระบุว่าคือการพัฒนาระบบการรบหลายๆ ระบบเพื่อทำงานร่วมกัน โดยเครื่องบินรบที่มีนักบินเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่เรียกว่า Penetrating Counter-Air หรือ PCA ซึ่งก็คือเครื่องบินขับไล่ยุคที่ 6 อย่าง F-47 ที่ Boeing ได้รับสัญญาในครั้งนี้ โดย PCA จะต้องทำงานร่วมกับเครื่องบินที่ไม่มีนักบินหรือโดรนที่พัฒนาเป็นองค์ประกอบที่เรียกว่า Collaborative Combat Aircraft หรือ CCA ซึ่งในปัจจุบันมี 2 บริษัทที่สร้างเครื่องบินต้นแบบเพื่อแข่งขันกันอยู่คือ YFQ-44A Fury ของ Anduril Industries และ YFQ-42A Gambit ของ General Atomic ซึ่งยังรอผลว่าใครจะเป็นผู้ชนะ

 

เมื่อการพัฒนาเสร็จเรียบร้อย F-47 ซึ่งมีนักบินจะทำหน้าที่เป็นยานแม่ที่ควบคุมโดรนหนึ่งในสองแบบที่คัดเลือกแบบกันอยู่ระหว่าง YFQ-42A และ YFQ-44A เพื่อให้ทำภารกิจบางอย่างแทนไม่ว่าจะเป็นการลาดตระเวน การปล่อยอาวุธปล่อยอากาศสู่อากาศหรืออากาศสู่พื้น หรือภารกิจการข่าวอื่นๆ ซึ่งทำให้นักบินและเครื่องบินขับไล่เพียงแค่ลำเดียวสามารถสร้างอำนาจการยิงและปฏิบัติภารกิจได้เหมือนเครื่องบินหลายลำ ซึ่งนี่คือคุณสมบัติแรกของ F-47 และเป็นคุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของเครื่องบินขับไล่ยุคที่ 6

 

 

อีกคุณสมบัติที่สำคัญก็คือคุณสมบัติตรวจจับได้ยากหรือ Stealth ซึ่งจะต้องมีมากกว่าเครื่องบินขับไล่ยุคที่ 5 อย่าง F-22 หรือ F-35 นอกจากนั้นประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังเปิดเผยว่า F-47 จะมีความเร็วมากกว่ามัค 2 ซึ่งถือว่าเร็วกว่าเครื่องบินขับไล่แทบทุกแบบในปัจจุบัน นอกจากนั้นจากการเปิดเผยของกองทัพอากาศสหรัฐฯ มีข้อมูลว่า F-47 จะมีพิสัยบินไกลกว่า F-22 อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนั้นจะซ่อมบำรุงได้ง่ายกว่า ใช้คนน้อยกว่า ใช้โครงสร้างพื้นฐานน้อยกว่า รวมถึงจะมีราคาถูกกว่า F-22 ที่ราคาแพงกว่าลำละ 180 ล้านดอลลาร์สหรัฐด้วย ซึ่งข้อสุดท้ายนี้ยังเป็นคำถามว่าจะทำได้จริงหรือไม่ เพราะแทบไม่มีโครงการไหนของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ที่งบไม่บานปลาย ไม่ช้า และค่าตัวไม่ถูกกว่ารุ่นก่อนหน้าเลย

 

อย่างไรก็ตาม กองทัพอากาศสหรัฐฯ ยืนยันว่าต้นแบบของ F-47 นั้นทำการบินมา 5 ปี รวมหลายร้อยชั่วโมงบินแล้วอย่างเงียบๆ โดยไม่มีใครรู้ ซึ่งการให้ผู้ผลิตพัฒนาต้นแบบและทดสอบการบินอย่างเข้มข้นไปพร้อมกับการพัฒนาแบบแผนและการทดสอบแนวคิดในการออกแบบเครื่องบินจะช่วยลดความผิดพลาดและช่วยทดสอบว่าแนวคิดที่ออกแบบในคอมพิวเตอร์จะสามารถใช้งานได้จริงหรือไม่ ซึ่งการทำงานในลักษณะนี้คาดว่าจะช่วยลดค่าใช้จ่ายและความล่าช้าของโครงการลง เพื่อไม่ให้ต้องมาแก้ไขปัญหาหลังจากยืนยันการออกแบบและอยู่ในขั้นตอนการผลิตแล้วแบบ F-35

 

แต่ข้อมูลทั้งหมดนี้ก็คือทั้งหมดที่เรารู้ เพราะโครงการนี้ยังถือเป็นความลับสุดยอดของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ที่ไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียดใดๆ ให้กับสาธารณชนทราบมากกว่าไปภาพร่างที่ตั้งอยู่ในห้องทำงานของประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งเป็นแบบที่เห็นแต่ด้านหน้าของเครื่องบินเท่านั้น ไม่เหมือนในตอนพัฒนา F-22 หรือ F-35 ที่เราได้เห็นต้นแบบของเครื่องบินมาแข่งขันกันตั้งแต่ต้น ดังนั้นกว่าจะมีข้อมูลออกมาเพิ่มเติมก็คงต้องรอจนกว่าการออกแบบจะเสร็จสิ้นและเริ่มทำการผลิต

 

นอกจากนั้น สิ่งที่หลายคนสนใจก็คือ สหรัฐฯ จะขาย F-47 ให้ต่างประเทศหรือไม่ เพราะสหรัฐฯ ก็ปฏิเสธไม่ขาย F-22 ให้กับใคร แม้จะเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สุด เรื่องนี้ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวเองในการแถลงข่าวว่าอาจจะพิจารณาขาย F-47 ให้กับประเทศพันธมิตร แต่จะต้องเป็นรุ่นที่ลดคุณสมบัติให้ไม่เท่ากับที่สหรัฐฯ มี อาจจะลดราว 10% เพราะไม่แน่ใจว่าพันธมิตรเหล่านั้นจะเป็นพันธมิตรของสหรัฐฯ ไปเรื่อยๆ หรือไม่ ซึ่งก็เป็นการตอบคำถามสไตล์ทรัมป์ที่กำลังใช้ทุกทางไล่กดดันพันธมิตรของสหรัฐฯ อยู่ในขณะนี้

 

 

แต่ก็อีกหลายปีกว่า F-47 จะเข้าประจำการจริง ซึ่งยังมีเวลาและยังต้องรอว่าจะมีความเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้นบ้างในภูมิรัฐศาสตร์ของโลก เพียงแต่หนึ่งในความคาดหวังของทรัมป์ที่กล่าวมาก็คือ เขาจะต้องเปิดตัว F-47 ต่อสายตาคนทั้งโลกก่อนที่เขาจะหมดวาระลงในอีกไม่กี่ปีนี้ เพื่อส่งสัญญาณไปยังประเทศที่เป็นศัตรูกับสหรัฐฯ ว่าสหรัฐฯ มีการพัฒนาขีดความสามารถทางการทหารที่ก้าวหน้ากว่าใคร เหมือนคำกล่าวของเสนาธิการกองทัพอากาศสหรัฐฯ (เทียบได้กับผู้บัญชาการทหารอากาศ) ที่บอกว่า ด้วย F-47 เราจะเสริมความเข้มแข็งให้กับจุดยืนของสหรัฐฯ ต่อโลก สร้างความเหนือกว่าศัตรูของสหรัฐฯ ให้ไม่สามารถเทียบเคียงกับสหรัฐฯ ได้ และเมื่อศัตรูเหล่านั้นมองขึ้นมาบนฟ้า พวกเขาจะมองไม่เห็นอะไรนอกจากความพ่ายแพ้ที่จะรอคนที่กล้าท้าทายสหรัฐฯ อยู่ เพราะคำว่ากำลังทางอากาศทุกที่ทุกเวลานั้นไม่ใช่แค่แรงบันดาลใจ แต่เป็นคำสัญญาที่ทำได้จริง

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising