วันนี้ (8 มิถุนายน) หลังเมื่อวานนี้ (7 มิถุนายน) เป็นวันดีเดย์ฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วประเทศไทยสู่เป้าหมาย 100 ล้านโดสภายในสิ้นปี โดยวัคซีนที่ใช้อยู่ในประเทศไทยในช่วงเวลานี้คือ AstraZeneca และ Sinovac ซึ่งพบว่ามีประชาชนที่ได้รับวัคซีน AstraZeneca รีวิวการฉีดวัคซีนผ่านสื่อสังคมออนไลน์จำนวนมากว่ามีอาการข้างเคียง เช่น มีไข้ เพลีย ปวดหัว ไปจนถึงคลื่นไส้และอาเจียน
ประเด็นนี้ พญ.กุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจ หัวหน้าสาขาวิชาโรคติดเชื้อ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ผู้เชี่ยวชาญด้านวัคซีนโควิด-19 ของประเทศไทย และเป็นผู้ติดตามศึกษาอาการข้างเคียงหลังฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั้งหมดของไทย เคยให้ข้อมูลไว้ว่า ถ้าเทียบวัคซีนระหว่าง AstraZeneca กับ Sinovac ปรากฏว่าวัคซีน AstraZeneca จะมีอาการข้างเคียงมากกว่า โดยจะมีไข้สูง ปวดหัว ปวดเมื่อย แต่ก็ต้องพูดว่าการที่อาการข้างเคียงมากหมายความว่าจะเกิดภูมิต้านทานสูงขึ้น เพราะแสดงว่าร่างกายเรากำลังต่อสู้อยู่ ขอให้คิดว่าร่างกายเกิดปฏิกิริยาสร้างภูมิคุ้มกันอยู่
ทั้งนี้จากการวิเคราะห์ข้อมูลในประเทศไทยจากการเก็บข้อมูลผลข้างเคียงพบว่าวัคซีนของ Sinovac ซึ่งฉีดไปแล้วกว่าล้านคนในประเทศไทย ผู้ได้รับวัคซีนมีอาการขาอ่อนแรงชั่วคราว 0.008% (82:1,000,000 คน) ส่วนอาการที่แพ้รุนแรง (ไทย) คือ 0.0012% (12:1,000,000 คน)
ขณะที่ AstraZeneca มีอาการไข้ เพลีย ปวดหัว คลื่นไส้ 80% อาการแพ้รุนแรง (ไทย) 0.0016% (16:1,000,000 คน) ภาวะลิ่มเลือด (ในต่างประเทศ) (4:1,000,000 คน)
ส่วนของ Pfizer, Moderna และ Johnson & Johnson ก็พบอาการไข้ อ่อนเพลีย ที่ 50-80% เช่นกัน ขณะที่อาการแพ้รุนแรงใน Pfizer ที่พบในสหรัฐอเมริกาอัตราส่วน 1:100,000 คน
ข้อสังเกตในประเทศไทยคือ วัคซีน AstraZeneca ผลข้างเคียงที่เป็นไข้ อ่อนเพลีย ปวดหัวเมื่อได้รับวัคซีนส่วนใหญ่เกิดในกลุ่มคนอายุน้อยมากกว่ากลุ่มคนสูงอายุ
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า