สวิตเซอร์แลนด์อาจจะมีเมืองสวยๆ ที่น่าเที่ยวมากมาย แต่สำหรับนักเดินทางชาวไทยแล้ว คงไม่มีเมืองไหนที่มีความหมายเท่าเมืองโลซานน์ (Lausanne) อีกแล้ว
เพราะนี่คือเมืองที่ใครได้ไปเยือนแล้ว ก็เหมือนได้เดินทางตามรอยพระบาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชและราชสกุลมหิดล จึงถือว่าเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ในหัวใจชาวไทย
ด้วยเหตุที่โลซานน์เป็นเมืองที่พระบรมราชชนก ในรัชกาลที่ 9 ทรงโปรดมาก ตั้งแต่ครั้งที่เสด็จไปดูงานและศึกษาด้านสาธารณสุข จนในที่สุดเมืองนี้ก็เป็นที่ประทับของกษัตริย์ 2 พระองค์ในช่วงปี พ.ศ. 2476-2488 ซึ่งมีพระบรมราชชนนี ในรัชกาลที่ 9 เป็นผู้ดูแลพระธิดาและพระโอรส
เรียกได้ว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงเจริญพระชนม์ชีพและศึกษาที่เมืองนี้ รวมถึงพระบรมราชชนนี ในรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ก็ทรงประทับอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน
ลำพังแค่บรรยากาศของเมืองโลซานน์ก็งดงามและโรแมนติกอยู่แล้ว แต่ยิ่งเป็นเมืองที่มีความหมายต่อคนไทยด้วยแล้ว ยิ่งทำให้โลซานน์น่าทำความรู้จักมากขึ้น
เมืองโลซานน์นั้นตั้งอยู่บนฝั่งเหนือของทะเลสาบเจนีวา หากเดินทางจากเจนีวาโดยรถไฟใช้เวลาราวครึ่งชั่วโมงเท่านั้น รายรอบทะเลสาบมีชุมชนตั้งอยู่ หากนั่งรถไฟลัดเลาะมาก็จะเห็นทัศนียภาพที่งดงามของธรรมชาติและวิถีชีวิตชาวสวิสตามริมชายน้ำ
นอกจากจะห้อมล้อมไว้ด้วยธรรมชาติและอากาศดีๆ แล้ว เมืองนี้มีประวัติศาสตร์อันยาวนานมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 4 ในสมัยที่ชาวโรมันมาตั้งหลักแหล่งอยู่ละแวกนี้ เพื่อความปลอดภัยของผู้คนในสมัยก่อน จะทำการปักหลักและย้ายที่อยู่ไปอยู่บนเนินเขารายรอบทะเลสาบ
ถ้าไปถึงโลซานน์แล้ว มีหลายมุมของเมืองนี้ที่ควรมุ่งหน้าไปเยือน แต่มุมแรกที่ควรไปเยือนคือย่านอุชชี (Ouchy) ที่ทอดตัวอยู่ริมทะเลสาบเจนีวา ที่นี่มีท่าเรือโลซานน์-อุชชี ซึ่งสามารสัญจรทางน้ำไปหาเมืองเจนีวาและมองเทรอซ์ได้
ย่านอุชชีมีทางเดินเลียบทะเลสาบประมาณ 1 กิโลเมตรที่มองเห็นวิวทิวทัศน์อย่างสบายตา หากไปถึงมุมนี้ในวันที่ดินฟ้าอากาศเป็นใจ ก็จะเห็นเทือกเขาแอลป์เผยโฉมให้เห็น
ละแวกนี้ถือเป็นมุมสุนทรีย์และรื่นรมย์ ริมฝั่งทะเลสาบมีพ่อแม่หอบลูกจูงหลานมาเดินเล่นกัน เอาขนมปังมาให้นก บ้างก็มาจ๊อกกิ้ง ปั่นจักรยาน และยังมีคาเฟ่และร้านอาหารตั้งเรียงรายเต็มไปหมด บรรยากาศสบายๆ จึงหาได้จากแถวนี้
ใกล้กับท่าเรือเป็นชาโต ดิ อุชชี เดิมทีที่นี่เป็นปราสาทสร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 แต่ทุกวันนี้ถูกดัดแปลงให้เป็นโรงแรมหรู ใครอยากพักตามที่พักเก่าแก่แต่หรูหราริมทะเลสาบจะลองพักที่นี่ก็ได้ ที่จริงแล้วชาโต ดิ อุชชียังมีความสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง ที่นี่เคยถูกใช้เป็นสถานที่ในการลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพระหว่างตุรกีและกรีซช่วงปี 1923 อีกด้วย
ยังมีถนนอีก 2 สายที่เมื่อไปถึงโลซานน์แล้วควรจะแวะไป นั่นคือถนนอาวองต์ โพสเต (Avant Poste) ถนนที่มีอพาร์ตเมนต์อยู่ใกล้กับสวนสาธารณะ อันเป็นสถานที่ที่พระบรมราชชนนี ในรัชกาลที่ 9 เสด็จประทับตั้งแต่ปี 2493 หลังพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงราชาภิเษกกับสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เพราะพระบรมราชชนนี ในรัชกาลที่ 9 มีพระประสงค์ให้ทั้ง 2 พระองค์มีความเป็นส่วนตัว จึงทรงย้ายมาประทับที่นี่
ยังมีถนนอีกสายหนึ่งอย่างถนนทิสโซต์ (Tissot) ซึ่งเป็นอพาร์ตเมนต์ที่พระบรมราชชนนี ในรัชกาลที่ 9 และรัชกาลที่ 9 ทรงเคยใช้เป็นที่ประทับ ไม่ไกลจากอพาร์ตเมนต์แห่งนี้มีทั้งตลาดและสถานีรถไฟ ด้านหลังเป็นสวนที่กษัตริย์ทั้ง 2 พระองค์ของคนไทยทรงโปรดที่จะมาวิ่งเล่นอยู่เป็นประจำ
หลายคนไปตามหาโรงเรียนที่ชื่อ ‘เอกอล นูเวล เดอ ลา ซูอิส โรมองต์’ (Ecole Nouvelle de la Suisse Romande) และมหาวิทยาลัยโลซานน์ (University of Lausanne) เพราะเมื่อครั้งที่รัชกาลที่ 9 เสด็จมาประทับที่เมืองโลซานน์ก็ได้ทรงเข้าศึกษาชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียนแห่งนี้ จากนั้นก็ทรงเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยโลซานน์ จะว่าไปมหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็นสถาบันศึกษาของหลายพระองค์ ทั้งสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์และรัชกาลที่ 8
โรงแรมโบริวาจ (Beau Rivage) ที่พระบรมราชชนกในรัชกาลที่ 9 ทรงเลือกเป็นที่พักหลังอภิเษกสมรสกับหม่อมสังวาลย์ ยังเป็นโรงแรมริมทะเลสาบที่หรูหราที่สุดในเมืองโลซานน์ ครั้นมีพระโอรสและพระธิดาก็มักจะมาเดินเล่นและพักผ่อนอยู่ริมทะเลสาบเสมอๆ โดยรัชกาลที่ 8 และรัชกาลที่ 9 ทรงโปรดการเล่นเรือใบในทะเลสาบแห่งนี้เป็นอย่างมาก
สถานที่อีกแห่งหนึ่งที่เมื่อไปถึง ชาวไทยต้องตามหาโรงแรมแห่งนี้ นั่นคือ โรงแรมโบริวาจ (Beau Rivage) ที่พระบรมราชชนก ในรัชกาลที่ 9 ทรงเลือกเป็นที่พักหลังอภิเษกสมรสกับหม่อมสังวาลย์ เพราะเป็นโรงแรมริมทะเลสาบที่หรูหราที่สุดในเมืองโลซานน์ ครั้นมีพระโอรสและพระธิดาก็มักจะมาเดินเล่นและพักผ่อนอยู่ริมทะเลสาบเสมอๆ โดยรัชกาลที่ 8 และรัชกาลที่ 9 ทรงโปรดการเล่นเรือใบในทะเลสาบแห่งนี้เป็นอย่างมาก
แม้เวลาจะผ่านไปเกือบ 100 ปีแล้ว แต่วันนี้โรงแรมโบริวาจยังคงดูคลาสสิกและยังคงเป็นโรงแรมชั้นหนึ่งของเมืองโลซานน์ ซึ่งสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี มักเสด็จฯ มาประทับที่โบริวาจทุกครั้งเมื่อเสด็จฯ เยือนโลซานน์
และหากใครมีเวลามากพอ แนะให้ไปเดินเล่นในเมืองเก่าของโลซานน์ ที่ร่ำลือกันถึงเรื่องความสวยและคลาสสิก มีทั้งคาเฟ่และร้านรวง แต่ที่โดดเด่นที่สุดคือมหาวิหารแห่งเมืองโลซานน์อันยิ่งใหญ่ ที่ด้านข้างเป็นวิวทิวทัศน์ของเมืองเก่าที่งดงามเหลือเกิน
มหาวิหารแห่งนี้สร้างในช่วงปลายศตวรรษที่ 12 แต่กว่าจะแล้วเสร็จใช้เวลาประมาณ 45 ปี ซึ่งก็ยังไม่ได้สวยสมบูรณ์อย่างที่เห็นตอนนี้ แต่ค่อยๆ เพิ่มเติมเสริมแต่งไปเรื่อยๆ และในช่วงที่มีการปฏิรูปศาสนาราวๆ ปี 1536 มหาวิหารแห่งนี้ถูกรื้อปรับปรุงอีกหลายจุด และบูรณะขึ้นใหม่อีกหลายครั้งหลายครา
หากคุณเคยผ่านโลซานน์ขณะไปสวิตเซอร์แลนด์อยู่แล้ว การเดินทางไปเมืองโลซานน์แสนสวยครั้งหน้าอาจเปลี่ยนไป ก็เพราะความรู้สึกตื้นตันอะไรสักอย่างที่บีบในอก บ่งบอกว่าคุณกำลังคิดถึงใครบางคนสุดหัวใจ…
Photo: กาญจนา หงษ์ทอง