ตลาดคริปโตเคอร์เรนซียังคงเคลื่อนไหวผันผวนรุนแรง โดยช่วงเช้าของวันนี้ (21กันยายน) ราคาเหรียญ Bitcoin ร่วงลงไปกว่า 7% กดดันราคาลงมาเคลื่อนไหวในระดับใกล้ๆ 40,000 ดอลลาร์ ก่อนจะรีบาวด์กลับขึ้นมาเคลื่อนไหวในระดับ 43,000 ดอลลาร์อีกครั้ง
ไม่เพียงแต่ตลาดคริปโตฯ เท่านั้นที่ปรับตัวลดลง เพราะภาคตลาดการเงินดั้งเดิมอย่างตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็ปรับตัวลงไปราว 1.7% ท่ามกลางความกังวลต่อปัญหาหนี้ของ China Evergrande Group บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่อันดับ 2 ของจีน ว่าจะเข้าสู่ภาวะล้มละลายหรือไม่
นักวิเคราะห์เชื่อกันว่าปัญหาของ Evergrande เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ตลาดคริปโตฯ ช่วงเวลานี้มีความผันผวนที่รุนแรงด้วยเช่นกัน ซึ่งทำให้นักลงทุนเริ่มโยกการลงทุนจากสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงไปสู่สินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยอย่างทองคำหรือพันธบัตร
ประเด็นนี้หลายคนอาจมองว่าไม่มีความเกี่ยวโยงกัน แต่ถ้ามองลึกลงไปอีกชั้นหนึ่งจะมีนักวิเคราะห์อีกกลุ่มที่ออกมาให้ความเห็นว่า แท้จริงแล้วโลกคริปโตฯ มีความสัมพันธ์กับ Evergrande อย่างที่คาดไม่ถึง ซึ่งทำให้กรณีของ Evergrande ส่งผลกระทบต่อความผันผวนในตลาดคริปโตฯ
การล้มละลายของ ‘Evergrande’ ส่งผลอย่างไรต่อคริปโตฯ
เรื่องนี้มีการวิเคราะห์กันว่า เหรียญ Stablecoin อย่าง Tether เป็นเหรียญคริปโตฯ ที่ถูกค้ำด้วยสกุลเงินดอลลาร์ ทำให้ถูกใช้เป็นเหรียญพักเงินในโลกคริปโตฯ กันอย่างแพร่หลาย และสามารถนำมาใช้แลกเปลี่ยนไปมาระหว่างสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ ได้โดยง่าย ส่งผลให้มีสภาพคล่องหมุนเวียนในระบบคริปโตฯ ถึงราว 7.1 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 2.1 ล้านล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จากการสอบสวนของฝ่ายกำกับดูแลสหรัฐฯ กับบริษัทที่สร้างเหรียญ ‘Tether’ พบว่ากว่าครึ่งหนึ่งของสินทรัพย์ค้ำประกันของ Tether ไม่ได้เป็นเงินดอลลาร์โดยตรง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นตราสารหนี้ระยะสั้นของบริษัทเอกชน เพียงแต่กรณีนี้ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดที่ชัดเจนว่ามีตราสารของบริษัทใดบ้าง แต่บรรดานักวิเคราะห์เชื่อกันว่าส่วนใหญ่เป็นตราสารหนี้ภาคเอกชนของจีน
ประเด็นดังกล่าวทำให้เกิดความกังวลว่า Tether เข้าไปถือตราสารหนี้ของ Evergrande ด้วยหรือไม่ อย่างไรก็ตามเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาทาง Tether ออกมาชี้แจงต่อประเด็นนี้ว่า ไม่ได้มีการซื้อตราสารของ Evergrande แต่อย่างใด
แต่ปัญหาดังกล่าวยังไม่จบเพียงเท่านั้น เพราะนักวิเคราะห์เชื่อกันว่าแม้ Tether จะไม่ได้ถือตราสารของ Evergrande ก็ตาม แต่ถ้า Evergrande ซึ่งเป็นอสังหาฯ ยักษ์ใหญ่ในจีนล้มลง อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นที่มีต่อตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชนตัวอื่นๆ ของจีนได้ ถึงตอนนั้นคงนำไปสู่ความผันผวนในตลาดคริปโตฯ ได้เช่นกัน
อ้างอิง:
