ก้าวใหม่ของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า EV ไทยและอาเซียน พร้อมขึ้นแท่นศูนย์กลางฐานผลิตระดับโลก พัฒนาระบบนิเวศระดับภูมิภาคผ่านการกระจายการลงทุน รอรับ ‘ติมอร์-เลสเต’ เป็นสมาชิกใหม่รายที่ 11 หนุนเศรษฐกิจอาเซียน
ภายหลังจากผู้นำชาติสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียน เห็นชอบหลักการรับติมอร์-เลสเต เป็นประเทศสมาชิกชาติที่ 11 ในการประชุมสุดยอดในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เมื่อปลายปีที่ผ่านมา โดยขณะนั้นตามหลักการจะมีการวางโรดแมปเป้าหมายเพื่อรับเป็นสมาชิกเต็มตัว ล่าสุดวันนี้ (2 พฤษภาคม) คณะรัฐมนตรี (ครม.) ระบุว่า ครม. เห็นชอบร่างเอกสาร 2 ฉบับ คือ ร่างปฏิญญาผู้นำอาเซียนว่าด้วยการพัฒนาระบบนิเวศสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าระดับภูมิภาค และร่างภาคผนวกประกอบแผนการดำเนินงานสำหรับการเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนของประเทศติมอร์-เลสเต ในส่วนของเสาประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุม ครม. ว่า ครม. เห็นชอบร่างเอกสาร 2 ฉบับที่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ คือ ร่างปฏิญญาผู้นำอาเซียนว่าด้วยการพัฒนาระบบนิเวศสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าระดับภูมิภาค และร่างภาคผนวกประกอบแผนการดำเนินงานสำหรับการเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนของประเทศติมอร์-เลสเต ในส่วนของเสาประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ซึ่งประเทศสมาชิกอาเซียนจะมีการเห็นชอบเอกสารทั้ง 2 ฉบับร่วมกันในการประชุมคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC Council) ครั้งที่ 22 วันที่ 6-7 พฤษภาคม 2023 และการประชุมสุดยอดอาเซียน (ASEAN Summit) ครั้งที่ 42 วันที่ 10-11 พฤษภาคม 2023 ที่ประเทศอินโดนีเซีย
โดยมีสาระสำคัญของร่างปฏิญญาผู้นำอาเซียนว่าด้วยการพัฒนาระบบนิเวศสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าระดับภูมิภาค เป็นเอกสารการแสดงเจตนารมณ์ที่จะพัฒนาระบบนิเวศ เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและลดการปล่อยคาร์บอน ตลอดจนสนับสนุนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียนร่วมกัน โดยส่งเสริมให้ประเทศสมาชิกอาเซียนพัฒนาระบบนิเวศสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าระดับภูมิภาค ผ่านการกระจายการลงทุน และการส่งเสริมการลงทุนที่ยั่งยืน
รวมทั้งส่งเสริมความร่วมมือและประสานงานกันทั้งจากภายในประเทศสมาชิกเอง จากภาคีภายนอกและภาคเอกชน เช่น การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานและสถานีอัดประจุไฟฟ้า การสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจและบรรยากาศเพื่อดึงดูดการลงทุน ความร่วมมือในการวิจัยและพัฒนา และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพื่อพัฒนาให้อาเซียนเป็นศูนย์กลางการผลิตอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าระดับโลก และเพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนในภูมิภาค
“อนาคตอาเซียนจะมีสมาชิกเพิ่มขึ้นคือติมอร์-เลสเต ซึ่ง ครม. ได้เห็นชอบร่างภาคผนวกประกอบแผนการดำเนินงานสำหรับการเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนของประเทศติมอร์-เลสเต ในส่วนของเสาประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เป็นเอกสารที่กำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินการเพื่อเข้าเป็นภาคีตามความตกลงของเสาเศรษฐกิจอาเซียนที่ติมอร์-เลสเตต้องดำเนินการให้สำเร็จก่อนการเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนอย่างสมบูรณ์”
โดยติมอร์-เลสเตจะต้องมีความพร้อมในการดำเนินการตามความตกลงและตราสารสำหรับเสาประชาคมเศรษฐกิจภายในร่างภาคผนวกรวมทั้งสิ้น 220 ฉบับ ประกอบด้วย 1. ความตกลงและตราสารที่ติมอร์-เลสเตต้องมีความพร้อมในการเข้าร่วมทันที จำนวน 66 ฉบับ 2. ความตกลงและตราสารที่ติมอร์-เลสเตจะต้องเข้าร่วมภายใน 2 ปี หลังเข้าเป็นสมาชิกอาเซียน จำนวน 48 ฉบับ 3. ความตกลงและตราสารที่ติมอร์-เลสเต จะต้องเข้าร่วมภายใน 5 ปี หลังเข้าเป็นสมาชิกอาเซียน จำนวน 106 ฉบับ
ทั้งนี้ ร่างเอกสารทั้ง 2 ฉบับไม่ใช่สนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ดังนั้นการให้ความเห็นชอบเอกสารทั้งสองฉบับจึงไม่เข้าลักษณะเป็นการสร้างความผูกพันต่อคณะรัฐมนตรีชุดต่อไป ตามมาตรา 169 (1) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
สำหรับติมอร์-เลสเตเป็นประเทศที่มีความน่าสนใจ เนื่องจากมีทรัพยากรประเภทน้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ และความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ป่า ซึ่งถือเป็นแหล่งกักเก็บคาร์บอนสำคัญแห่งหนึ่งของภูมิภาค อีกทั้งประชากรอยู่ในวัยแรงงานในสัดส่วนที่สูงถึงร้อยละ 56 เมื่อเทียบกับประชากรทั้งหมด ประกอบกับมีความสามารถในการสื่อสารหลายภาษา ทั้งภาษาท้องถิ่น (เตตุน) โปรตุเกส อินโดนีเซีย และอังกฤษ ทั้งนี้ คู่ค้าสำคัญของติมอร์-เลสเตในอาเซียน ได้แก่ อินโดนีเซีย สิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย โดยไทยเป็นคู่ค้าอันดับที่ 4
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ‘Tesla’ ประกาศหั่นราคาขายในตลาดจีน 9% กูรูหวั่นจุดชนวนสงครามราคารถยนต์ไฟฟ้า
- ยุโรปปูพรมแดงต้อนรับ BYD เข้าตั้งฐานการผลิต ฟากแบรนด์ผลิตรถยนต์เจ้าถิ่นอาจอยู่เฉยไม่ได้อีกต่อไป
- สตาร์ทอัพ ‘รถยนต์ไฟฟ้าจีน’ เนื้อหอม โกยเงินลงทุนจาก Venture Capital ไปกว่า 6 พันล้านดอลลาร์