เช้าของวันที่ 19 เมษายน คือวันที่หลายคนตื่นมารู้จักกับ ‘ยูโรเปียนซูเปอร์ลีก’ ลีกใหม่ที่ก่อตั้งขึ้นโดย 12 สโมสรชั้นนำของยุโรป ประกอบไปด้วย เอซี มิลาน, อินเตอร์ มิลาน, ยูเวนตุส, อาร์เซนอล, ลิเวอร์พูล, เชลซี, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, ท็อตแนม ฮอตสเปอร์, เรอัล มาดริด, แอตเลติโก มาดริด และบาร์เซโลนา
โดย ฟลอเรนติโน เปเรซ ประธานของลีกใหม่ที่เกิดขึ้น และประธานสโมสรของเรอัล มาดริด ได้เผยว่า ผลกระทบทางการเงินส่งผลให้สโมสรต้องสร้างช่องทางการหารายได้ใหม่ด้วยไอเดียซูเปอร์ลีก
ลีกที่มี 20 สโมสร ประกอบไปด้วย 15 สโมสรก่อตั้ง 5 สโมสรที่จะผลัดเปลี่ยนมาแข่งขันกันในเกมกลางสัปดาห์ช่วงเดือนสิงหาคมถึงพฤษภาคมของทุกปี
ซึ่งเป็นไอเดียที่เกิดเสียงวิจารณ์ขึ้นอย่างหนักในวงการฟุตบอล ทั้งการตัดสินใจแยกออกไปจัดลีกด้วยตัวเอง และหลายทีมมองว่าการจัดตั้งลีกนี้ทำขึ้นเพื่อผลประโยชน์ทางการเงินของเหล่าสโมสรผู้ก่อตั้งเพียงอย่างเดียว
แม้ว่าทางเปเรซจะออกมาอธิบายว่าซูเปอร์ลีกจะเป็นผู้กอบกู้ฟุตบอลยุโรปด้วยช่องทางการสร้างรายได้ใหม่
แต่สุดท้ายการประท้วงภายใน 48 ชั่วโมงก็หนักขึ้นเรื่อยๆ จากอดีตนักเตะไปสู่นักเตะในปัจจุบัน จากผู้จัดการของสโมสรที่เข้าร่วม ทั้ง เจอร์เกน คล็อปป์ และ เป๊ป กวาร์ดิโอลา จากรัฐสภาอังกฤษ และจาก บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ที่ไม่เห็นด้วยกับการจัดตั้งลีกใหม่
แต่เสียงที่ดังที่สุดกลับมาจากหัวใจของฟุตบอลเอง นั่นก็คือ แฟนบอล ที่ประท้วงตั้งแต่ออนไลน์สู่ท้องถนนหน้าสนามฟุตบอลต่างๆ โดยเฉพาะเหตุการณ์ประท้วงที่หน้าสแตมฟอร์ดบริดจ์ ที่ทำให้ ปีเตอร์ เช็ก อดีตผู้รักษาประตูของเชลซีต้องมาเจรจาขอให้แฟนบอลเปิดทางให้ทีมเข้าไปลงเตะกับไบรท์ตัน
สุดท้ายเมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 21 เมษายน 6 สโมสรตัวแทนจากพรีเมียร์ลีกได้ทำการแถลงยืนยันการถอนตัวจากการแข่งขันพร้อมจดหมายขอโทษแฟนบอล และ ทางซูเปอร์ลีกก็ออกจดหมายแถลงการณ์ว่าสถานะของลีกคือระงับและทบทวนปรับปรุงอย่างไม่มีกำหนด
ซึ่งนับเป็นชัยชนะครั้งใหญ่ของแฟนบอลที่มีต่อบรรดาเจ้าของสโมสรที่ตัดสินใจโดยไม่มีโค้ช นักเตะ และแฟนบอลอยู่ในสมการ แต่เชื่อว่าด้วยแรงสั่นสะเทือนของลีกที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดการตั้งคำถามการบริหารของ UEFA ครั้งใหญ่
โดยหลังจากนี้ทั้งทางองค์การบริหารฟุตบอลของยุโรปเอง จำเป็นต้องตอบคำถามต่างๆ ที่เกิดขึ้นตลอด 2 วันที่ผ่านมาให้ได้ เพื่อสร้างความโปร่งใสในการบริหาร หลังจากที่สงครามการเมืองครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของโลกฟุตบอลได้เกิดขึ้นภายใต้การบริหารของพวกเขาเอง