การเลือกตั้งครั้งสำคัญของชาวยุโรปเริ่มเปิดฉากขึ้นแล้วเมื่อวานที่ผ่านมา (23 พ.ค.) โดยผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งใน 28 ประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรป (EU) จะทยอยเข้าคูหาเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภายุโรป (MEPs) ทั้งหมด 751 ที่นั่ง เพื่อกำหนดทิศทางของยุโรปในมิติต่างๆ ในอีก 5 ปีต่อจากนี้ โดยทั้ง 28 ประเทศจะเลือกตั้งแล้วเสร็จและประกาศผลการเลือกตั้งรวมในวันที่ 26 พฤษภาคมนี้
สหราชอาณาจักรแบ่งเขตการเลือกตั้งทั้งหมด 12 เขต เพื่อคัดเลือกบุคคลนั่งเก้าอี้สมาชิกรัฐสภายุโรป 73 ที่นั่ง ท่ามกลางวิกฤตกรณี Brexit ที่ยืดเยื้อมานานเกือบ 3 ปี แต่อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสหราชอาณาจักร ระบุว่า ผู้แทนที่ได้รับเลือกอาจไม่จำเป็นต้องนั่งเก้าอี้ดังกล่าว หากสหราชอาณาจักรสามารถเจรจาถอนตัวจากอียูได้ภายในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้
สหราชอาณาจักรมีกำหนดที่จะถอนตัวจากอียูเมื่อเกือบ 2 เดือนก่อน ก่อนที่กำหนดการจะถูกเลื่อนออกไปอีกท่ามกลางสภาวะเดดล็อกในสภา โดยยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าสหราชอาณาจักรจะออกจากการเป็นสมาชิกอียูด้วยวิธีการใด เมื่อไร และผ่านการเจรจาด้วยข้อตกลงแบบใด คาดการณ์ว่าอาจมีกำหนดการ Brexit ภายในวันที่ 31 ตุลาคมปีนี้
เนเธอร์แลนด์ที่มีเก้าอี้อยู่ในรัฐสภายุโรป 26 ที่นั่ง ก็ปิดคูหาเลือกตั้งแล้ว โดยการลาออกของสหราชอาณาจักรจะส่งผลให้ที่นั่งภายในรัฐสภายุโรปของแต่ละประเทศมีการเปลี่ยนแปลง ปัจจุบันเยอรมนีมีที่นั่งในรัฐสภายุโรปมากที่สุด 96 ที่นั่ง ตามมาด้วย ฝรั่งเศส 74 ที่นั่ง สหราชอาณาจักรและอิตาลี 73 ที่นั่ง ในขณะที่ไซปรัส ลักเซมเบิร์กและมอลตา มีเพียงประเทศละ 6 ที่นั่ง โดยกลุ่มพันธมิตรใดสามารถรวบรวมเสียงที่นั่งได้เกิน 376 ที่นั่ง จะมีสิทธิ์กุมบังเหียนทิศทางและอนาคตของยุโรปนับจากนี้อีกครึ่งทศวรรษ
ภาพ: Frederic Florin / AFP / Getty Images
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: